เทคนิคการออมเงิน: เราหาไม่พอใช้ หรือใช้เท่าไรก็ไม่พอ

 


เราหาไม่พอใช้ หรือใช้เท่าไรก็ไม่พอ

การบริโภคนิยมหรือการเลือกใช้แต่สินค้ามียี่ห้อราคาสูง เป็นสาเหตุที่ทำให้คนเราทุกวันนี้มักก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพียงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือนำเสมอว่าตนเอง “มี” ให้ผู้อื่นได้รับรู้ แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ภาพพจน์ภายนอกที่ดูสวยหรูนั้นอาจต้องดำรงชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก และก็มีอีกหลายคนที่ยังตกอยู่ในวงเวียนของการกู้ยืม กู้ของใหม่เอาไปใช้แทนของเก่าซ้ำแล้วอีก และที่สาหัสนั่นคือหลายคนถึงกับต้องสังเวยชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นไป นั่นเป็นเพราะไม่มีความทุกข์ใดจะหนักหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนนั่นเอง [เทคนิคการออมเงิน]

ดังนั้น เราจึงต้องหาคำตอบว่า “เราหาไม่พอใช้หรือใช้เท่าไรก็ไม่พอ” กันแน่ เพราะทั้ง 2 เรื่องนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การมีเงินไม่พอใช้หมายถึง การมีเงินใช้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตให้อยู่ได้ในขั้นพื้นฐาน แต่การใช้เงินไม่พอ หมายถึง การมีเท่าไรก็ไม่เคยเพียงพอต่อการนำมาใช้จ่าย เพื่อตอบสนองความต้องการของตน ฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือเศรษฐกิจพอเพียง เวลาซื้อเวลาจ่ายเราควรคิดให้รอบคอบ และสิ่งที่ง่ายที่สุดของการเริ่มต้นวางแผนทางการเงินคือ การจัดทำบัญชีส่วนตัว โดยการลงมือจดทุกอย่างที่เป็นรายได้และรายจ่ายของเราทุกรายการ ในทุกวัน ลองทำดูสักระยะหนึ่ง แล้วรายการที่ปรากฏทุกอย่างนั้นจะบอกได้ว่าเรามีเงินไม่พอใช้หรือใช้เงินไม่พอกันแน่ แล้วเราก็จะได้เห็นผลจริง ๆ สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือ ต้องเริ่มต้นเปลี่ยนแนวคิดเสียใหม่ “หากเราเปลี่ยนความคิด ชีวิตเราก็เปลี่ยนได้เช่นกัน” ไม่มีคำว่าสายไปสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของการเป็นผู้ไม่มีหนี้ [เทคนิคการออมเงิน]

คติเตือนใจ

“เรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย ตราบใดที่คุณยังต้องใช้เงินในการดำรงชีวิต คุณควรจะมีระบบจัดการเงินของคุณให้ดีเพื่อวันข้างหน้าจะได้ไม่ลำบาก”

[เทคนิคการออมเงิน]

    Choose :
  • OR
  • To comment