Long Open ของ Marketing คือการเปิดสถานะฝั่งซื้อ (Long Open Position) แต่ไอ้คำว่าลองของเราน่ะคือลองเล่นดูแต่ไม่ได้บอกว่าอยากจะซื้อหรือจะขาย คุยกันคนละภาษาแบบนี้มีเรื่องกันแน่ ๆ ครับ
Gold Futures เป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ที่ทุกท่านยังไม่คุ้นเคยร้านทองเองยังงงเลยครับว่าอยู่ดีๆจะมีBroker มาขายทองแข่งกับร้านทอง โดยที่เขาไม่มีทองสักบาทมาโชว์หรือส่งมอบให้เลย สุดยอดจริงๆครับคนคิดเครื่องมือทางการเงินชนิดนี้ออกมา
Final Settlement เรามาพูดถึงเรื่องราคาที่ใช้ชำระราคาในวันซื้อขายวันสุดท้ายดีกว่าจะใช้วิธีแปลงราคา Spot Gold เป็นราคาทองสกุลไทยบาท คือ
ใช้ราคา London Gold AM Fixing เป็นราคาอ้างอิงในการคำนวณ โดยการคำนวณจะปรับอัตราแลกเปลี่ยน น้ำหนักและความบริสุทธิ์ของทองคำเป็นทอง96.5%ในราคาทองหน่วยบาทของไทยตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
ทองคำ 1 บาท =London Gold AM Fixingx(15.244/31.1035)x(0.965/0.995)x (THB/USD)
เช่นราคาทองนอกวันนี้ $900 ค่าเงินบาท 35บาท คำนวณออกมาจะเท่ากับ 14.972 บาท
ซึ่งราคาทองในวันนี้นี่เองจะไม่มีค่าพรีเมี่ยม หรือกั๊กเกิ๊ก อะไรเลยเป็นราคากลางสุด ๆ เลยครับ
และจะใช้ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขชำระบัญชีในวันสุดท้ายที่สัญญาหมดอายุ
สมมุติว่าราคาคำนวณได้ 15.000 บาท คนไหนที่เปิดสถานะ Long ไว้ที่ 14.000 บาท ก็จะถูกปิดสัญญา โดยจะกำไรที่ 1.000 บาทX 50 บาท เท่ากับกำไร 50.000 บาท (คิดโดยยังไม่ได้หักค่าคอม)
คนไหนที่เปิดสถานะ Short ไว้ที่ 14.00 บาท ก็จะถูกปิดสัญญา โดยจะขาดทุนที่ 1.000 บาทX 50 บาท เท่ากับขาดทุน 50.000 บาท (คิดโดยยังไม่ได้หักค่าคอม)
Rollover คือ กรณีที่คุณยังไม่อยากเลิกเล่นยังอยากถือสัญญาทองคำต่อไป ดังนั้นก่อนจะถูกปิดสัญญาในวันสุดท้ายคุณก็จะต้อง เปิดสถานะ Long สัญญาในเดือนคู่ถัดไป ตัวอย่างเช่นคุณเปิดสถานะซื้อเดือนกุมภาพันธ์ไว้ (Open Long) คุณก็ต้องปิดสถานะซื้อเดือนกุมภาพันธ์(Open Short Close)และเปิดสถานะ(Open Long)เดือน เมษายน ซึ่งเป็นสินค้าเดือนถัดไป (เรียกอีกอย่างว่าSerieเดือนถัดไป สินค้าทั้งหมดมี 3 Seriesคือ3เดือนคู่ที่ใกล้ที่สุดไงครับ)
ศัพท์ทางการเขาจะเรียกว่า Spread คือการซื้อและขาย2สัญญาในเดือนที่ต่างกัน(ค่าคอมก็ต้องเสียทีเดียว 2 สัญญานะครับ) ซึ่งเทคนิคนี้ยังสามารถทำเงินให้ท่านได้ ซึ่งยังไม่อยากอธิบายในตอนนี้ เดี๋ยวท่านจะงงกันเข้าไปใหญ่ ขออธิบายระดับพื้นฐานให้เข้าใจกันก่อนจะดีกว่าครับ
สูตรตรงนี้ไม่ต้องไปสนใจมากนักครับ ถึงเวลาหมดอายุสัญญาเดี๋ยวก็จะมีคนมาคิดให้เอง มาสนใจว่าราคายุติธรรมของราคา Gold Futuresเขาคิดกันอย่างไรกันดีกว่า
ราคายุติธรรมของGold Futures จะเป็นราคาทางทฤษฎีใช้เป็นราคาใช้อ้างอิงกับราคาที่ทำการซื้อขายGold Futuresซึ่งไม่แน่ว่าราคาที่เทรดอาจจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าก็ได้ ขึ้นอยู่กับ Demand/Supply ของผู้ลงทุนในขณะนั้นๆ ซึ่งถ้าหากว่าราคา Gold Futures สูงหรือต่ำกว่าราคาทางทฤษฎีมากก็จะมีผู้ค้ากำไรส่วนต่าง (Arbitrageurs)เข้าซื้อ(ตามทฤษฎีนะครับ ความเป็นจริงคงต้องรอดูว่าจะมีไหมเมื่อตลาดเปิดซื้อขาย)
แบบจำลองต้นทุนการถือครอง Gold Futures เป็นการคิดว่า ราคาของสินค้าในอนาคต ในที่นี้คือทองคำจะเท่ากับต้นทุนการถือครองสินค้าตั้งแต่ปัจจุบัน ซึ่งก็คือการคิดคำนวณต้นทุนของดอกเบี้ยเข้าไปนั่นเองครับ
Gold Futures คำนวณจาก
(ราคาทองที่แปลงเป็นบาท) + ( ราคาทองที่แปลงเป็นบาท x อัตราดอกเบี้ย xระยะเวลาจนถึงวันส่งมอบ)
ยกตัวอย่างเช่นราคาทองนอกวันนี้ $900 ค่าเงินบาท 35 บาท ซึ่งถ้าคำนวณราคาทองในสกุลบาทออกมาจะเท่ากับ 14.972 บาท อัตราดอกเบี้ยที่ไร้ความเสี่ยงคิดอัตราดอกเบี้ยของแบงค์ชาติคือ 2%
สมมุติว่าอายุสัญญาที่เหลือ 45 วัน คำนวณออกมาจะได้ดั่งนี้ (14.972)+(14.972X2%X45/365) = 36.91 เพราะฉะนั้น มูลค่ายุติธรรมของราคา Gold Futuresที่เหลืออายุ 45 วัน จะเท่ากับ 14.972+36.91= 15.009 บาท ซึ่งราคาที่ทำการเทรดอาจจะสูง หรือต่ำกว่านี้ได้นะครับ อยู่ที่ Deman/Supply ในขณะนั้นๆ
และต้องแน่นอนที่ว่าสัญญา Gold Futuresของเดือน 2 ต้องถูกกว่าของเดือน 4 เพราะเดือน 4 มีระยะเวลาที่มากกว่าในการคำนวณ
เพราะฉะนั้นจากการคาดเดาของผม จึงคาดว่า Gold Futures ของเดือนที่ใกล้ที่สุดน่าจะมีสภาพคล่องสูงที่สุด เพราะใกล้เคียงความจริงมากที่สุด ท่านคงสงสัยกันใช่ไหมแล้วทำไมต้องมาสนใจสภาพคล่องด้วยล่ะครับ ก็เพราะ Gold Futures เป็นเพียงการทำสัญญาจะซื้อ/จะขายทองคำกันในวันที่สิ้นสุดสัญญา
ดังนั้น ถ้าท่านจะซื้อแต่ไม่มีใครมาทำสัญญาจะขายให้กับท่าน( Zero Sum Game)ท่านก็จะไม่สามารถเปิดสถานะ Open Long ได้ แบบนี้เขาเรียกว่าคำสั่งไม่มีการจับคู่ (Order ไม่ Match)ครับ ดังนั้น ถ้าจะลงทุนในGold FuturesทุกBrokerแนะนำให้ลงทุนในสัญญาเดือนที่มีสภาพคล่องมากที่สุด เพราะเวลาจะปิดสถานะสัญญาจะได้ทำได้ง่าย ไงครับ
