เทคนิคการออมเงิน: เริ่มจากความตั้งใจจริง
บางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นส่วนที่ยากที่สุดในเรื่องของการออมเงิน แน่นอนว่า ถ้าคุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ แสดงว่าคุณต้องการมีเงินเก็บมากขึ้นหรือต้องการที่จะเห็นเงินหมดไปช้าลง และบางทีวิธีการเดียวที่จะทำได้ก็คือ การใช้จ่ายให้น้อยลง ซึ่งการที่จะใช้จ่ายให้น้อยลงได้นั้น คุณจะต้องปรับเปลี่ยนความคิดที่ “อยากที่จะลองใช้จ่ายให้น้อยลง” เป็น “ต้องการใช้จ่ายให้น้อยลงอย่างจริงจัง” ผมรู้ว่าฟังดูแล้วสับสน แต่ผมไม่รู้จะอธิบายให้ดีกว่านี้ได้อย่างไร แต่มันเป็นสิ่งสำคัญจริง ๆ ที่คุณจะต้องรู้สึกอยากที่จะเปลี่ยนแผลงการใช้จ่ายของตัวเอง หรือถ้าให้พูดอีกอย่างคือ คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนจากทฤษฏีสวยหรูมาเป็นความต้องการอย่างมุ่งมั่นและพร้อมยึดถือเป็นภาระผูกพันในเบื้องลึกของจิตใจ
ลองมาดูตัวอย่างกันครับ เพื่อนของผมคนหนึ่งมีสถานะทางการเงินที่ตึงเครียด เธอเป็นหนี้บัตรเครดิตก้อนโตและพยายามอย่างมากที่จะชำระหนี้ก้อนนี้อยู่ เธอบอกเองว่า เธอจำเป็นที่จะต้องลดการใช้จ่ายลง แต่เดือนที่แล้วเธอกลับบินไปงานแต่งงานเพื่อนที่นิวยอร์ก และซื้อชุดสำหรับใส่ไปร่วมงานในราคาแพงลิลิ่วให้ตัวเอง
ตอนนี้ผมเห็นแล้วล่ะว่าเพื่อนของผมปรารถนาที่จะอยากใช้จ่ายน้อยลง แต่ถ้าเธอต้องการทำอย่างนั้นจากใจจริงล่ะก็ เธอจะไม่ซื้อชุดนั้นเป็นอันขาด หรือเธออาจจะไม่ไปร่วมงานนี้เลยด้วยซ้ำ
ถ้าคุณเป็นแบบนี้เหมือนกัน ผมเกรงว่าผมคงไม่สามารถร่ายเวทมนต์ใด ๆ เพื่อช่วยคุณได้ แต่ผมบอกคุณได้เลยว่า คุณจำเป็นต้องหาแรงจูงใจที่จะทำให้ตัวเองอยากใช้จ่ายน้อยลงจริง ๆ ส่วนคุณจะหาแรงจูงใจได้อย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง ซึ่งมันอาจะเป็นใบแจ้งหนี้ครั้งสุดท้ายจากการประปา หรือจดหมายเรียกพบจากผู้จัดการธนาคารหรือแฟนที่ขู่จะทิ้งคุณไป หรืออาจเป็นอะไรที่ดี ๆ ก็ได้ อย่างเช่น จินตนาการว่าคุณจะรู้สึกดีแค่ไหนเมื่อหนี้สินต่าง ๆ เริ่มถูกขจัดหมดไปได้ โดยในขณะที่คุณกำลังเสาะหาวิธีการในการออมเงินให้ได้อยู่นั้น คุณจำเป็นต้องการมองหาแรงจูงใจเพื่อใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจไว้ด้วย
