สร้างรายได้เทียมในอนาคตกับประกันบำนาญ

 



หลายท่านเมื่อใกล้เกษียณจะมีความกังวลว่าจะไม่มีรายได้สำหรับไว้ใช้จ่าย หรือรายได้ที่ได้รับลดลงหดหายไปอย่างน่าตกใจ อีกทั้งเมื่ออายุมากขึ้น โรคภัยไข้เจ็บก็เข้าคิวแวะเวียนมาถามหา ทำอย่างไร เราจึงจะมีรายได้เพียงพอสำหรับความต้องการในยามที่ไม่มีรายได้แล้ว ทางเลือกหนึ่งที่เราสามารถทำได้ และต้องรีบทำเมื่อยามที่ยังมีเรี่ยวแรง สุขภาพแข็งแรง และยังคงสามารถหารายได้มาใช้จ่ายได้ นั่นคือ ประกันแบบบำนาญ ซึ่งประกันรูปแบบนี้เป็นทางเลือกหนึ่งที่เราสามารถทำได้ อีกทั้งเงินที่จ่ายชำระค่าเบี้ยประกันประเภทนี้ยังสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนสงเคราะห์โรงเรียนเอกชนแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท ทั้งนี้ เราสามารถกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการใช้จ่ายในอนาคตได้ แต่เราก็มีภาระในการออมเงินระหว่างทางก่อนถึงเป้าหมายด้วย เช่น ต้องการมีเงินไว้ใช้จ่ายเมื่อเกษียณ เดือนละ 10,000 บาท ปัจจุบันอายุ 30 ปี ต้องเก็บออมปีละ 64,400 บาท หรือประมาณเดือนละ 5,400 บาท สำหรับทุนประกัน 1,000,000 บาท เพื่อให้มีเงินไว้ใช้จ่ายสำหรับอนาคต 


ทั้งนี้ผู้ทำประกันต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันจนถึงอายุ 55 ปี หรือรวมจ่ายทั้งสิ้น 25 ปี เป็นเงินค่าเบี้ยประกันรวม 1,610,000 บาท หากผู้ทำประกันเสียชีวิต ทายาทจะได้รับเงินที่ทุนประกัน 1,000,000 บาท (หรือมากกว่าตามแต่จำนวนเงินเวนคืนกรมธรรม์) แต่เมื่อครบอายุเกษียณที่ 55 ปี จะได้รับเงินคืนปีละ 12% ของทุนประกันไปทุกปี หรือได้รับคืนปีละ 120,000 บาท เป็นเวลา 30 ปี จนถึงอายุ 85 ปี ทำให้คุณมีรายได้หลังเกษียณเพิ่มเติมอีกเดือนละ 10,000 บาท

     สำหรับแบบประกันที่สามารถนำมาหักลดหย่อน หรือเข้าข่ายประกันแบบบำนาญนั้น ต้องมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  • ระยะเวลาเอาประกันภัย 10 ปี ขึ้นไป ซึ่งการนับระยะเวลาเอาประกันภัยดังกล่าวให้เริ่มนับตั้งแต่อายุเริ่มทำประกันชีวิต จนถึงอายุสุดท้ายที่รับบำนาญ
  • เงื่อนไขการจ่ายบำนาญ ให้เริ่มจ่ายเงินบำนาญตั้งแต่อายุ 55 ปีขึ้นไป จนถึงอายุไม่ต่ำกว่า 85 ปี
  • ไม่มีการจ่ายผลประโยชน์อื่นใดก่อนรับเงินบำนาญ ยกเว้น ผลประโยชน์กรณีการเสียชีวิต
  • ไม่มีการจ่ายผลประโยชน์ใดๆ ณ วันครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัย
  • การจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญในช่วงรับบำนาญ ต้องกำหนดจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญรายงวดอย่างสม่ำเสมอ เช่น รายปี, รายเดือน เป็นต้น
  • ชื่อผลิตภัณฑ์ให้มี วงเล็บ ว่าเป็น “บำนาญแบบลดหย่อนได้”

     หากคุณมีประกันชีวิตที่นอกเหนือจากแบบบำนาญ (แบบตลอดชีพ หรือแบบสะสมทรัพย์) ยังคงสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุดจำนวน 100,000 บาท แต่หากไม่ใช้สิทธิในส่วนนั้นสามารถนำมารวมใช้กับประกันแบบบำนาญได้ เช่น มีรายได้ทั้งปี 1,000,000 บาท สามารถใช้สิทธิประกันบำนาญชราภาพได้ 15% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท (สมมติไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนสงเคราะห์โรงเรียนเอกชน) สามารถใช้สิทธิประกันแบบบำนาญชราภาพได้สูงสุด150,000 บาท (15% ของรายได้ทั้งปี) แต่ถ้าหากไม่เคยมีประกันรูปแบบอื่นเลย (ที่สามารถใช้สิทธิได้ 100,000 บาท) สามารถนำสิทธิ 100,000 บาท มารวมเพื่อชำระค่าเบี้ยประกันชราภาพได้ รวมใช้สิทธิได้ 150,000 + 100,000 บาท = 250,000 บาท

     สำหรับท่านที่ต้องการความคุ้มครองด้านสุขภาพเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายได้ รวมถึงประกันอุบัติเหตุ ท่านสามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติมแนบท้ายได้เหมือนประกันแบบปกติทั่วไปค่ะ แต่ค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่ซื้อตั้งแต่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไปไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนได้นะคะ

     ทั้งนี้ จะเห็นว่า ประกันแบบบำนาญ ไม่มีเงินก้อนออกมาให้สำหรับผู้ที่ทำประกันไว้เลย เนื่องจากต้องการให้ผู้ที่ทำ ได้ใช้เงินสำหรับการเกษียณจริงๆ มีเงินบำนาญรายปีใช้แม้ไม่ได้รับราชการก็ตาม ซึ่งคุณหรือใครๆ ก็สามารถทำได้ค่ะ (ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์) 

    Choose :
  • OR
  • To comment