การปกป้องบัตรเครดิตของคุณให้ปลอดภัย จากมิจฉาชีพ

 

เทคนิคการออมเงิน: การปกป้องบัตรเครดิตของคุณให้ปลอดภัย จากมิจฉาชีพ
 
การทุจริตผ่านบัตรเครดิต เป็นปัญหาที่ขยายวงกว้างขึ้นทั่วโลก วิธีที่พบบ่อยที่สุดในไทยคือการปลอมบัตร การแอบอ้างเป็นผู้ถือบัตรจริง หรือการคัดลอกข้อมูลจากบัตรหรือที่เรียกว่า สกิมมิ่ง” (Skimming)

คนร้ายสามารถปลอมบัตรขึ้นมาโดยบรรจุเอาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือบัตร ที่ได้มา อย่างผิดกฎหมายจากแหล่งต่างๆ เช่น จากสลิปบัตร สแปมเมล์ หรืออีเมล์ที่ส่งมาแบบสุ่มเพื่อหวังที่จะทราบข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตของ ผู้รับ หรือผ่านทางเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมาย โดยคนร้ายที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ถือ บัตรเครดิต อาจใช้ข้อมูลที่ขโมยมาเพื่อซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ตหรือทางโทรศัพท์โดยผิดกฎหมาย
 

สกิมมิ่ง คือการที่คนร้ายลักลอบใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กสำหรับอ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็กบน ตัวบัตรเพื่อคัดลอกข้อมูลส่วนตัวที่บันทึกในแถบแม่เหล็กบน บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือ บัตรเอทีเอ็ม จากนั้นจึงถ่ายโอนข้อมูลเหล่านั้นลงในบัตรปลอม การเปลี่ยนระบบการเก็บข้อมูลของบัตรจากการใช้แถบแม่เหล็กมาเป็นชิพแทนจะช่วย ลดปัญหาการ สกิมมิ่งข้อมูลได้

วิธีที่คุณจะป้องกันตนเองไม่ให้ตก เป็นเหยื่ออาชญากรรมเหล่านี้คล้ายคลึงกับกับสิ่งที่คุณพึงปฏิบัติเมื่อได้ รับบัตรใหม่หรือขณะที่คุณ ช็อปปิ้ง ทางอินเตอร์เน็ต โดยมีเป้าหมายหลักเดียวกันคือมุ่งปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณเพื่อมิให้คน ร้ายเอาไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ประกอบด้วย

ตรวจสอบความถูกต้องของใบแจ้งยอดบัญชี บัตรเครดิต ทันทีที่คุณได้รับ และรีบแจ้งให้ธนาคารทราบทันทีที่พบรายการที่น่าสงสัย ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลบัตร และข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น หมายเลขบัตร รหัสเอทีเอ็ม วันเดือนปีเกิด หรือหมายเลขบัตรประชาชน ยกเว้นกรณีที่คุณเป็นฝ่ายเริ่มต้นการติดต่อ อย่าตอบอีเมล์ที่ส่งมาเพื่อขอข้อมูลส่วนตัวโดยที่คุณได้รับโดยไม่ได้เป็น ฝ่ายติดต่อไป

 
เก็บรักษาบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ของคุณไว้ในที่ที่ปลอดภัย
พยายามอย่าให้พนักงานแคชเชียร์ พนักงานเสริฟ์ หรือเด็กปั๊มนำบัตรของคุณไปทำรายการในที่ที่คุณมองไม่เห็น เพื่อช่วยป้องกันการสกิมมิ่ง
 
เก็บสำเนาสลิปบัตรเครดิตของคุณไว้หลังจากการชำระเงินทุกครั้ง เพื่อใช้ตรวจสอบความถูกต้องของใบแจ้งยอดบัญชีในภายหลัง หลีกเลี่ยงการใช้ตู้เอทีเอ็มซึ่งตั้งอยู่ในที่เปลี่ยว หรือมีลักษณะต้องสงสัยเนื่องจากคนร้ายอาจลักลอบติดตั้งอุปกรณ์ไว้เพื่อขโมย ข้อมูลจากบัตรของคุณ ขณะใช้บริการเอทีเอ็มควรมองสำรวจรอบตัวๆ เพื่อสังเกตพฤติกรรมต้องสงสัยของคนที่ยืนต่อแถวด้านหลัง และเพื่อป้องกันไม่ให้คนที่อยู่หลังคุณเห็นรหัสขณะที่คุณกดเอทีเอ็ม หรือเวลาคุณใช้บริการตามอินเตอร์เน็ตสาธารณะ
 
ติดตั้งระบบรักษาความ ปลอดภัยคอมพิวเตอร์หรือไฟร์วอลล์พร้อมด้วยซอฟท์แวร์ป้องกันไวรัสใน คอมพิวเตอร์ทั้งที่บ้านและที่สำนักงาน เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูล
 
ซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์กับเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงและไว้ใจได้เท่านั้น ขณะเดียวกันคุณควรระมัดระวังเว็บไซต์ปลอมที่พวกแฮคเกอร์สร้างขึ้นมาเพื่อจารกรรมข้อมูล
 
ใช้รหัสผ่านที่ยาวๆ เพื่อคุ้มครองข้อมูลบัญชีธนาคารและบัญชีซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ตของคุณ หากรหัสผ่านที่ยิ่งยาวเท่าไร ก็ยิ่งยากที่มิจฉาชีพจะสามารถถอดรหัสออกไปใช้ได้เท่านั้น

กฎหมายปราบปรามการทุจริตที่เกี่ยวกับ บัตรเครดิต

ปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับ บัตรเครดิต ที่บังคับใช้ การกระทำความผิดเกี่ยวกับ บัตรเครดิต จึงต้องพิจารณาว่าเข้าข่ายกฎหมายฉบับใดที่มีอยู่ ถ้าเป็นความผิดทางแพ่ง ก็พิจารณาว่าเข้าข่ายหมวดใดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือกฎหมายเฉพาะฉบับอื่น หรือถ้าเป็นความผิดทางอาญาซึ่งหมายถึงความผิดที่มีโทษถึงจำคุก ก็พิจารณาว่าเข้าข่ายหมวดใดในประมวลกฎหมายอาญา

สำหรับความผิดเกี่ยว กับการปลอม บัตรเครดิต หรือการใช้ บัตรเครดิต โดยฉ้อโกงเช่นเอา บัตรเครดิต ของผู้อื่นไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตต่างก็เข้าข่ายความผิดอาญาตามประมวล กฎหมายอาญาโดยการปลอม บัตรเครดิต นั้นถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร เนื่องจาก บัตรเครดิต เป็นเอกสารอย่างหนึ่งตามความหมายใน ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 6,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับ กรณีเอา บัตรเครดิต ของผู้อื่นไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต หากเป็นการขโมย บัตรเครดิตนั้นมา ก็เป็นความผิดฐาน ลักทรัพย์ กระทงหนึ่ง หากได้นำ บัตรเครดิต ไปใช้ชำระเงินโดยแสดงว่าตนเป็นเจ้าของบัตรก็ถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกง อีกกระทงหนึ่ง และถ้าหากมีการเซ็นชื่อปลอมในใบสลิป บัตรเครดิต โดยปลอมลายเซ็นของเจ้าของบัตรที่แท้จริงด้วย ก็จะมีความผิดฐานปลอมเอกสารอีกด้วย เนื่องจาก สลิปบัตรเครดิต นั้นถือเป็นเอกสารอย่างหนึ่ง และการปลอมลายเซ็นของผู้อื่นในเอกสาร เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

หากเป็นกรณีมิได้ขโมยเอาบัตรมา แต่ขโมยจำเลข บัตรเครดิต ของผู้อื่นไปใช้ชำระเงิน เช่น ชำระเงินทางอินเตอร์เน็ต ก็น่าจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงอย่างเดียว ความผิดฐานลักทรัพย์มีบทลงโทษคือจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ



ที่มา: mymoneyskills.com

    Choose :
  • OR
  • To comment