เมื่อไหร่ก็ตามที่เงินทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาให้เรา และเมื่อเรามีเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงวันที่มีความมั่นคงทางการเงินแล้ว เราก็จะได้เรียนรู้วิธีที่พวกมหาเศรษฐีใช้กันเมื่อเขามีเงินมากมาย ที่เรียกว่า ใช้เงินต่อเงิน และการใช้เงินต่อเงินแตกต่างจาการใช้เงินให้ทำงานตรงที่วิธีการ
การใช้เงินให้ทำงานก็คือ เราใช้เงินไปลงทุนในกิจการ ธุรกิจหรืออุตสาหกรรม โดยมีเวลาเป็นเงื่อนไข เพื่อหวังผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล ผลกำไรจากส่วนต่างหรือผลกำไรจากการประกอบธุรกิจ เป็นต้น เมื่อเราซื้อหุ้นหรือลงทุน ก็เปรียบได้ว่าเงินเป็นตัวแทนของเราและเงินจะหมุนเวียนอยู่ในระบบของกิจการนั้น ๆ ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของกิจกรรมในกิจการนั้น เช่น การผลิต การขายและการจ้างงาน เป็นต้น เพราะเงินเป็นปัจจัยลำดับแรกที่มนุษย์ต้องการ
ในขณะที่การใช้เงินต่อเงินแตกต่างกันตรงที่เงินมีลักษณะเหมือนแม่เหล็กดูดเงิน โดยใช้เงินเป็นตัวต่อให้ดึงดูดเงินเข้ามาเป็นครั้งคราว อีกทั้งใช้ระยะเวลาสั้นกว่ากากรใช้เงินให้ทำงาน ในระบบของสถาบันการเงินก็มีเครื่องมือทางการเงินกลุ่มหนึ่งที่มีไว้เพื่อคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ซึ่งก็คือมหาเศรษฐี เศรษฐี หรือคนรวย หลักการคือ สถาบันการเงินจะติดต่อขอให้คนกลุ่มดังกล่าวนำเงินมาฝากในระยะสั้น เช่น ฝาก 7 วัน ฝาก 14 วันหรือ ฝาก 30 วัน เป็นต้น โดยสถาบันการเงินยินดีให้ดอกเบี้ยในอัตราที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ฝากเงินจำนวน 50 ล้านบาท เป็นเวลา 7 วัน สถาบันการเงินให้ดอกเบี้ย 1.25 เปอร์เซ็นต์ (ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2553) เมื่อเงินฝากครบกำหนด ทางสถาบันการเงินก็จะจ่ายดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน 625,000 บาท หักภาษี 15 เปอร์เซ็นต์ ยอดคงเหลือเท่ากับ 531,250 บาท เป็นต้น
เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อได้เงินจำนวน 531,250 บาทมาใช้ฟรี ๆ อย่างนี้เรียกว่าใช้เงิน 50 ล้านบาทดึงดูดเงิน 5 แสนกว่าบาทมาใช้ภายใน 7 วันได้อย่างสบาย ๆ ดังนั้น ถ้าหมุนเวียนเงินก้อนนี้ไปตามสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่เสนอดอกเบี้ยที่ดีกว่า แล้วลองคิดเล่น ๆ ดูว่าหนึ่งเดือนสามารถหมุนเวียนเงินได้ 4 รอบ เท่ากับว่าจะมีเงินเพิ่มเดือนละ 2,125,000 บาท แล้วถ้าเป็น 12 เดือนล่ะจะเป็นเงินเท่าไร นั่นก็คือ 25,500,000 บาทนั่นเอง อย่างนี้ถึงเรียกได้ว่าใช้เงินต่อเงิน
การเดินบนเส้นทางทางการเงินให้มาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าเรามีวินัยทางการเงินที่เข้มงวดและเข้มแข็ง ใช้กฎแห่เงิน 9/1 และกฎแห่งเงินลงทุน 3/1 ตลอดเวลา เมื่อใช้เงินให้ทำงานแทนเราอย่างคล่องแคล้ว ก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และใช้เงินรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนนั้นไปลงทุนเพิ่มกับเงินลงทุนก้อนเดิมอย่างต่อเนื่อง ไม่นานเงินก็จะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ วันที่เรามีกองทัพเงินมากมายและมาพอที่จะเล่นเกมเศรษฐีอย่างพวกกลุ่มเศรษฐีเขาเล่นกันได้แล้ว วันนั้นเราก็สามารถที่จะใช้เงินต่อเงินได้อย่างสบายหรือก็คือวันที่เราประกาศชัยชนะจากเงินเจ้านายและมีอิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง
เราต้องการอิสรภาพทางการเงินใช่ไหม ถ้าใช่ จงมุ่งมั่นและตั้งใจเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ หยิบสมุดมาจดบันทึกรายการค่าใช้ว่ามีอะไรบ้าง แล้วแบ่งแยกประเภทออกมาเป็นหมวดหมู่ให้ชัดเจน ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่การดำรงชีพออก แล้วมาดูว่ารายได้ปัจจุบันที่ได้รับจริงเป็นเงินจำนวนเท่าไร มีบัตรเครดิตกี่ใบ เป็นหนี้เงินล่วงหน้าในบัตรเครดิตอยู่เท่าไร จากนั้นบวกลบตัวเลขของรายได้ ค่าใช้จ่าย และหนี้สินว่าเป็นอย่างไร ดูว่ารายับกับรายจ่ายอย่างไหนมากกว่ากัน หากว่ามีรายจ่ายมากกว่ารายได้ลีหนี้สินอยู่อย่าเพิ่งกังวลใจ จงแก้ไขเสียตั้งแต่วันนี้ โดยการวางแผนชำระหนี้ หยุดก่อหนี้ ควบคุมค่าใช้จ่าย นำกฎแห่งเงิน 9/1 มาใช้ อีกไม่นานก็จะหลุดพ้นและสามารถเปลี่ยนไปอยู่ด้านขวาของเงินมีชีวิตได้อย่างแน่นอน
“เงิน” ยินดีทำงานกับเจ้านายที่ดีเสมอ
เจ้านายที่ดี คือ ผู้ที่ไม่หลงใหลในอำนาจของเงิน
ผู้ที่ควบคุมและใช้เงินได้เป็นอย่างดี
ผู้ที่เข้าใจนิสัยของเงิน
แล้วคุณคือ “เจ้านาย” ของเงิน
ที่คุณครอบครองอยู่ใช่หรือไม่
ประสิทธิภาพการบริหารเงินจะดีหรือไม่ดี
เป็นผลมาจากผู้ที่เป็นเจ้านายของเงิน
จะรูจักเลือกเครื่องมือทางการเงินและวิธีความคุมเงินได้ดีหรือไม่
บทความที่เกี่ยวข้อง: