สุดยอดการลงทุนและรางวัลแห่งความสำเร็จในชีวิต
พูดไปแล้วก็ฟังดูเหมือนจะไหลเกินเอื้อมไปสักนิดสำหรับชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่อยากจะมีวิมานในฝันเป็นของตัวเอง ไม่ต้องเช่าบ้าน อพาร์ตเมนต์ หอพัก ไปตลอดทั้งชีวิต หรือย้ายไปมาระเหเร่ร่อนอยู่เรื่อย ๆ ถ้าพูดอย่างคนไม่เคยมีบ้าน การมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองมันมีความสุขมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังเล็กหรือหลังใหญ่ จะซอมซ่อหรือหรูหรา แต่ก็เป็นของเรา เป็นหลักหนึ่งที่ปักลงในชีวิต ทำให้เรามั่นใจที่พร้อมจะก้าวเดินไปข้างหน้า เพราะเรารู้ว่ามีบ้านพร้อมรอเราอยู่ข้างหลังเสมอ
ในชีวิตของผู้เขียนเอง อาจจะเป็นตัวอย่างหนึ่งที่คล้าย ๆ กับชีวิตมนุษย์เงินเดือนจำนวนไม่น้อย ที่ตอนเด็ก ๆ เกิดมาพ่อแม่ก็ไม่ได้มีบ้านของตัวเอง บ้านที่อยู่เป็นบ้านหลังใหญ่ของตายยายอยู่รวมกันหลายสิบชีวิต มีพื้นที่ในการใช้ชีวิตแบบอิสระคนละนิดคนละหน่อย ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของมีสิทธิ์เป็นแค่ผู้อาศัยคนหนึ่ง พอโตมาอีกหน่อย ก็ต้องย้ายตามพ่อแม่ไปทำมาค้าขาย ไปเช่าบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ในสมัยนั้นต้องเดินลัดเลาะเข้าไปในตรอกซอกซอย อยู่ในชุมชน ที่มีผู้คนหลายสารทิศมาอยู่รวมกัน ส่วนใหญ่ก็ทำอาชีพหาเช้ากินค่ำ ทำงานโรงงาน เช่าห้องพักรวมกันอยู่หลาย ๆ คน เพื่อหาเงินสร้างเนื้อสร้างตัวและส่งเงินกลับบ้าน ส่วนผู้เขียนก็อยู่ระหว่างบ้านเช่ากับพ่อแม่ ไปอาศัยอยู่บ้านตาบ้านยายบ้าง ใช้ชีวิตอยู่ย่างนั้นจนเรียนจบมหาวิทยาลัย เวลาใคร ๆ เขาพูดถึงบ้านหรือฟังเพื่อนเล่าเรื่องบ้านหรือไปเที่ยวบ้านเพื่อทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทีไร ก็รู้สึกให้ความสุข มีพลัง มีความฝัน มีความทะยานอยากจะทำงานเก็บเงินซื้อบ้านของตัวเองให้ได้ในเร็ววัน แม้ตอนนั้นเป็นฝันที่ดูเหมือนไกลเกินเอื้อม แต่คนเราก็มีสิทธิ์ฝันและทำให้เป็นจริงได้ ที่สำคัญคุณจะไม่มีวันทำฝันให้สำเร็จได้เลย ถ้ามัวแต่รอให้ปาฎิหาริย์เกิดขึ้น อย่ากลัวที่จะล้มเหลว เพราะความสำเร็จที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การดิ้นรนขวนขวานและพยายามต่างหาก
ในชีวิตของผู้เขียนเอง อาจจะเป็นตัวอย่างหนึ่งที่คล้าย ๆ กับชีวิตมนุษย์เงินเดือนจำนวนไม่น้อย ที่ตอนเด็ก ๆ เกิดมาพ่อแม่ก็ไม่ได้มีบ้านของตัวเอง บ้านที่อยู่เป็นบ้านหลังใหญ่ของตายยายอยู่รวมกันหลายสิบชีวิต มีพื้นที่ในการใช้ชีวิตแบบอิสระคนละนิดคนละหน่อย ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของมีสิทธิ์เป็นแค่ผู้อาศัยคนหนึ่ง พอโตมาอีกหน่อย ก็ต้องย้ายตามพ่อแม่ไปทำมาค้าขาย ไปเช่าบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ในสมัยนั้นต้องเดินลัดเลาะเข้าไปในตรอกซอกซอย อยู่ในชุมชน ที่มีผู้คนหลายสารทิศมาอยู่รวมกัน ส่วนใหญ่ก็ทำอาชีพหาเช้ากินค่ำ ทำงานโรงงาน เช่าห้องพักรวมกันอยู่หลาย ๆ คน เพื่อหาเงินสร้างเนื้อสร้างตัวและส่งเงินกลับบ้าน ส่วนผู้เขียนก็อยู่ระหว่างบ้านเช่ากับพ่อแม่ ไปอาศัยอยู่บ้านตาบ้านยายบ้าง ใช้ชีวิตอยู่ย่างนั้นจนเรียนจบมหาวิทยาลัย เวลาใคร ๆ เขาพูดถึงบ้านหรือฟังเพื่อนเล่าเรื่องบ้านหรือไปเที่ยวบ้านเพื่อทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทีไร ก็รู้สึกให้ความสุข มีพลัง มีความฝัน มีความทะยานอยากจะทำงานเก็บเงินซื้อบ้านของตัวเองให้ได้ในเร็ววัน แม้ตอนนั้นเป็นฝันที่ดูเหมือนไกลเกินเอื้อม แต่คนเราก็มีสิทธิ์ฝันและทำให้เป็นจริงได้ ที่สำคัญคุณจะไม่มีวันทำฝันให้สำเร็จได้เลย ถ้ามัวแต่รอให้ปาฎิหาริย์เกิดขึ้น อย่ากลัวที่จะล้มเหลว เพราะความสำเร็จที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การดิ้นรนขวนขวานและพยายามต่างหาก
คอนโดและบ้าน คุณค่าที่เหนือกว่าการลงทุน
ทันทีที่เรียนจนปุ๊บก็ต้องแบกกระเป๋าพาตัวเองเข้ามาสู้ชีวิตในเมืองหลวง เริ่มต้นการเป็นมนุษย์เงินเดือนสมบูรณ์แบบ คราวนี้ยิ่งรู้ซึ้งและเข้าใจถึงหัวอกชีวิตคนที่เข้ามาทำงานเมืองใหญ่และไม่มีบ้านมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจาจะได้เล่นจริง เหนื่อยจริงไม่อิงนิยาย กว่าจะตระเวนหาห้องเช่าคุณภาพดี ราคาถูก และพออยู่ได้ตามสถานะของเงินเดือน ก็ต้องขึ้นรถลงเรือเดินเข้าซอยนู้นออกซอยนี้จนขาขวิด กว่าจะได้ห้องพักที่เหมาะสมกับรายได้ ห้องพักที่เลือกในตอนนั้นก็ยังไม่ได้สะดวกสบายมากนัก มีเพียงที่นอนเล็ก ๆ ตู้เสื้อผ้าใบย่อม ๆ และของใช้ส่วนตัวอีกนิดหน่อย แต่นั่นก็ยังทำให้เราอุ่นใจได้ว่ามีที่อาศัยแล้ว ถึงจะไม่ใช่ของตัวเองจริง ๆ ก็เถอะ กว่าจะถึงวันที่ได้ซื้อบ้านเป็นของัวเอง ในช่วงนั้นก็ได้ย้ายที่พักไปเรื่อย ๆ ไม่ต่ำกว่า 4 แห่ง ตามสถานที่ทำงานที่เปลี่ยนไป โดยเน้นคอนเซปต์ส่วนตัว คือ หาหอพักราคาไม่แพง สภาพดูดี มีความปลอดภัย อยู่ใกล้ที่ทำงานมากที่สุด หรือถ้าจะไกลออกมาอีกหน่อย ใช้เวลาเพิ่มอีกนิด ก็ต้องเสียค่าเดินทางน้อยที่สุด โดยมีการคำนวณรายละเอียดความคุ้มค่าระหว่างการเช่าหอพัก การเดินทาง และความสะดวกสบายของหอพักด้วย
เช่น ถ้าหอพักดูดีมากอยู่ใกล้ที่ทำงาน 3,000 บาท รวมกับค่าเดินทางไปทำงานตลอดทั้งเดือนอีก 500 บาท ก็เท่ากับ 3ล500 บาท แต่ถ้าเช่าหอพักห่างจากที่ทำงานไปนิด ราคา 2,000 บาท แต่สภาพโดยรวมปานกลางพออยู่ได้ และปลอดภัย รวมกับค่าเดินทางไปทำงานตลอดทั้งเดือนอีก 1,000 บาท ก็เท่ากับ 3,000 บาท เราก็จะมีเงินเหลือเก็บเพิ่มขึ้นอีก 500 บาท ในแต่ละเดือน บางครั้งอาจจะต้องใช้เวลาและเหนื่อยหน่อยกับการเดินหาหอพักและสอบถามราคา แต่ผู้เขียนก็คิดว่า นั่นเป็นวิธีการหนึ่งที่ฝึกให้เรารู้จักการใช้เงินอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ส่วนอารมณ์ของคนอยู่หอพักกับอารมณ์ของการอยู่บ้านช่างแตกต่างกันลิบลับ ตอนอยู่ห้องเข่าเราจะรู้สึกว่าเป็นแค่ผู้อาศัย ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ ถึงเวลาสิ้นเดือนก็เอาเงินไปจ่ายค่าเช่าหรือถ้าวันหนึ่งเราไม่มีเงินไปจ่ายค่าเช่า เจ้าของห้องเจาก็คงไม่ให้เราอยู่ฟรี ๆ หรอก หรือจ่ายช้าไม่ตรงกำหนดก็เสียค่าปรับเพิ่ม ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามการดำเนินธุรกิจ ถ้าเขาสร้างห้องเช่าแล้วไม่มีรายได้ เขาก็คงขาดทุนหรืออยู่ไม่ได้
แต่การเก็บเงินไปซื้อคอนโดหรือบ้าน ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง มันเป็นรางวัลและความภาคภูมิใจในความสำเร็จที่สามารถทำฝันให้เป็นจริงจากน้ำพักน้ำแรงของเราเอง ได้สัมผัสถึงความมานะบากบั่นในการเก็บหอมรอมริบมาตลอดหลายปี ซึ่งไม่ได้มาจากโชคประทานหรือฟลุกถูกหวยรางวัลที่ 1 ผู้เขียนยังจำความรู้สึกในวันที่มีบ้านเป็นครั้งแรกไดติดตาติดใจ เพราะมีความสุขมาก ๆ มีความมั่นใจ ภูมิใจ รู้สึกมีพลังในตัวเองที่เราจะทำอะไรอีกมากมาย เป็นมากกว่าที่พักพิงยามเหนื่อยล้า ทำงานเหนื่อย ๆ กลับบ้านมาทีไรมันเหมือนมีอ้อมกอดอุ่น ๆ ให้เราซบอิงได้ตลอดเวลา เป็นอ้อมกอดที่เราสัมผัสได้จริง ๆ ไม่ใช่แค่ฝันหรือจินตนาการเหมือนตอนเด็ก ๆ อีกต่อไป
ซื้อของแพงให้คุ้มค่า
การลงทุนซื้อบ้านซื้อคอนโดไม่ใช่แค่ได้ความสุข ความมั่นคงและความภาคภูมิใจอย่างเดียวเท่านั้น แต่การซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาสูงนับล้านบาท ยังเป้ฯการลงทุนในระยะยาว ที่แม้จะต้องใช้เวลาหลายปีหรือเป็นสิบ ๆ ปีในการผ่อน แต่ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สามารถแตกดอกออกผลเป็นกำไรเพิ่มมหาศาลได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม หากเรามีเงินก้อนใหญ่เพื่อต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เราควรซื้อหากจำเป็นต้องมีที่อยู่อาศัย ไม่ควรซื้อเพียงเพราะเราเห็นว่าตอนนี้บ้านราคาถูก การชักชวนของตัวแทนขาย โปรโมชั่น หรือซื้อไว้เพื่อหวังจะเก็งกำไรระยะยาว เพราะการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ถ้ายังไม่มีความมั่นใจหรือเงินในกระเป๋าไม่พร้อมจริง ๆ ก็ควรพิจารณาว่าเราจำเป็นต้องซื้อหรือไม่ โดยคำนวณดูปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาการเดินทางจากที่บ้านถึงที่ทำงาน ฯลฯ ค่าน้ำมันรถที่ต้องใช้จ่าย ความสามารถในการผ่อนชำระระยะยาว ฯลฯ หรือเมื่อเทียบกับที่ต้องเช่าห้องพักอยู่ ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายเป็นเดือน ๆ แต่ยังมีโอกาสเก็บเงินเป็นก้อนใหญ่ต่อไปได้ เพราะประหยัดเรื่องการเดินทางและไม่ต้องวิตกกังวลกับภาระการผ่อนชำระระยะยาว เนื่องจากความไม่แน่นอนของอนาคต เมื่อเราเก็บเงินได้จำนวนมากพอสมควร หรือมีฐานะการเงินที่มั่นคงก็อาจค่อยพิจารณา เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในระยะยาวต่อไป
แต่ถ้าคุณมีความพร้อมและคิดจะซื้อจริง ๆ ก็ควรพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนทั้งในเรื่องของทำเล ราคา รวมไปถึงวิถีชีวิตและไลฟ์สไตล์การทำงานและการอยู่อาศัยของเราจริง ๆ เพราะเราได้อยู่กับมันแค่ปีหรือสองปี ไม่ใช่แค่การผ่อน แต่เป็นการใช้ชีวิต คุณต้องอยู่และผูกพันกับมันไปอีก 10-30 ปี หรืออาจตลอดชีวิต หรือแม้แต่วันข้างหน้า หากคุณไม่ได้อยู่อาศัยเอง การปล่อยให้เช่าหรือขายต่อ ถ้าคุณเลือกบ้านในทำเลดี ๆ มีรถไฟฟ้าผ่านหรือการเดินทางสะดวกสบาย ก็สามารถสร้างกำไรให้กับคุณได้อีกเช่นกัน
