เมื่อคุณคิดว่าจะเดินไปบนเส้นทางแห่งความมั่นคง ก็ถึงเวลาต้องทำความรู้จักหนทางสู่ความมั่งคั่ง สิ่งแรกที่คุณจะต้องทำความรู้จักกับมันอย่างทะลุปรุโปร่ง นั่นคือการรู้ที่มาของรายได้ตัวเอง ตัวเราเองสามารถเช็กได้ว่าแต่ละเดือนเรามีรายได้เข้ามาจากช่องทางไหนบ้าง ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นความเคลื่อนไหวของรายได้ที่จะเข้ามาในกระเป๋าและสามารถวางแผนการเงินและค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบ
สำหรับคนคนหนึ่งอาจจะมีที่มาของรายได้ด้วยกันหลายทางดังนี้
1. รายได้หลัก คือรายได้ประจำที่เราได้รับอย่างสม่ำเสมอ อาจจะทุกสัปดาห์ ทุก 15 วัน หรือทุกเดือนก็ได้ รายได้จากเงินปันผล รายได้จากดอกเบี้ย เงินออม เงินลงทุน หรือค่าเช่า ซึ่งเป็นรายได้ที่จะเอาไปเป็นหลักในการคำนวณรายได้ต่อปี รายได้หลักนี้จะทำให้ชีวิตของเราไม่ขาดตอนจากการรับเงินเข้ามา จึงเปรียบเสมือนแม่น้ำสายหลักในการเลี้ยงชีวิตของเรา
2. รายได้จร คือรายได้พิเศษที่มาบ้างไม่มาบ้าง ขึ้นอยู่กับวาระและโอกาสต่าง ๆ เป็นรายได้ที่ไม่ควรหวังพึ่ง เพราะบางเดือนอาจจะเอยะ มาน้อยหรือไม่มาเลยก็ได้ อาชีพที่มีรายได้แบบขาจรคือฟรีแลนซ์ หรือคนทำงานรับจ้างอิสระที่ไม่ขึ้นตรงต่อหน่วยงาน องค์กร หรือบริษัทใด ๆ ซึ่งมีให้เห็นกันมากมายในยุคนี้
ส่วนใครที่ยังไม่รู้ว่ารายได้ของคุณมาจากแหล่งไหนบ้าง รีบหากระดาษและปากกามา แล้วนั่งลง ค่อย ๆ ตั้งสติ จดแหล่งที่มาของรายได้ออกมาให้หมด ตามตัวอย่างนี้
ตารางแสดงแหล่งมาที่มาของรายได้
ที่มาของรายได้ | จำนวนเงิน (บาท) |
เงินเดือนประจำ | 20,000 บาท / เดือน |
ค่าคอมมิชชั่น | 15,000 บาท / เดือน |
ขายเสื้อผ้ามือสองเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ | 4,000 บาท / เดือน |
รวม | 39,000 บาท / เดือน 468,000 บาท / ปี |
เมื่อเขียนลงในตารางทั้งหมดแล้ว คุณจะเห็นว่ารายได้ในแต่ละเดือนมีที่มาจากอะไรบ้าง ถ้าคุณมีรายได้จากหลายทางก็ยังพออุ่นใจได้ว่า ถ้างานประจำที่ทำอยู่เกิดต้องหยุดกะทันหัน เงินรายได้ของเราจะไม่หมดไปด้วย แต่ถ้าใครที่มีรายได้เพียงทางเดียว ถือว่าเสี่ยงมาก ๆ เพราะคุณไม่มีที่พึ่งทางการเงินอื่นอีกแล้ว ฉะนั้น ทางออกที่ดีที่สุดคือ การเริ่มต้นเก็บออมได้ยามฉุกเฉินให้มากที่สุด เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดผันในอนาคตและทลายกรอบความคิดเดิม ๆ จากการหาเงินเพียงแหล่งเดียวที่คิดว่าเป็นรายได้ที่มั่นคงที่สุด แล้วหันมามองหาโอกาสสร้างรายได้เสริม ที่แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นรายได้เสริม แต่ก็เป็นเงินที่เข้ามาอยู่เรื่อย ๆ และเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตคุณมีความมั่งคั่งและมั่นคงขึ้น
Money Tips : ถ้าไม่จำเป็นอย่าใช้ระบบผ่อน
เพราะเมื่อคุณลองบวก ลบ คูณ หาร ดูดี ๆ แล้วจะเห็นว่า ถึงจะจ่ายช้าลง แต่ดอกเบี้ยที่บวกเข้าไปก็ไม่น้อย เช่น ซื้อมือถือใหม่สักเครื่อง ราคาเต็ม 18,000 บาท แต่เมื่อผ่อนครบปีแล้วอาจจะต้องจ่ายค่าโทรศัพท์รวมแล้ว 25,000 บาท แพงกว่ากันเกือบครึ่งต่อครึ่ง แถมเอามือถือเครื่องนี้ไปขายราคายังตก เรียกว่าได้ไม่คุ้มเสียกันเลยทีเดียว ทางที่ดีถ้าไม่อยากเสียดอกเบี้ย ควรเก็บรวบรวมเงินเป็นก้อนแล้วค่อยไปซื้อทีเดียวเป็นเงินสดจะดีกว่า ได้ของมาใช้ช้าหน่อยแต่จ่ายน้อยกว่า หรือจะใช้สิทธิ์ผ่อนก็แนะนำระบบผ่อน 0% ถึงจะคุ้ม แต่ต้องกันเงินไว้ทุกเดือนและจ่ายให้ตรงเวลา