ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐเหมือนกัน
[เทคนิคการออมเงิน] สมัยโบราณมีคนพูดไว้ว่า “การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” แต่สมัยนี้มีหลายคนต่างพูดว่า “การไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” เห็นจะจริง เพราะนับวันทุกคนต่างมีภาวะเครียดมากขึ้น เห็นจากหน้าหนังสือพิมพ์ที่เราอ่านข่าวพบการฆ่าตัวตายสถิติสูงขึ้นทุกปี เนื่องจากต้องแสวงหาสิ่งฟุ่มเฟือยตามมา เพื่อสนองตอบต่อตัณหาความต้องการแบบไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเราไม่ใช้เศรษฐกิจแบบพอเพียงตามที่พ่อหลวงสอนไว้
ถ้าเรารู้จักพอประมาณ พอเพียง มีภูมิคุ้มกันทั้งใจและกาย แค่นี้เราก็คงไม่ต้องกลุ้มกับหนี้สินกันอีกต่อไปจริงไหม
“ต้องรู้จักอดทนรอคอย อย่าใจเร็วด่วนได้เอาเงินในอนาคตมาใช้จนหมดในปัจจุบัน”
“อย่างเป็นหนี้แล้วเราจะหลับสบายได้ทุกคืน แม้จะนอนหลับบนพื้นไม้กระดานธรรมดาก็ตาม”
ถ้าเป็นหนี้แล้วเราต้องทำอย่างไร [เทคนิคการออมเงิน]
1. อย่าก่อหนี้เพิ่ม
ขั้นตอนแรกสำหรับการปลดหนี้คือ การหยุดสร้างหนี้ใหม่ หนี้เก่ามีอยู่เท่าไรให้หยุดไว้แค่นั้น
2. อย่าผิดนัดการชำระหนี้
การชำระหนี้ล่าช้าเกินเวลาที่กำหนดไว้ อาจทำให้เราโดนค่าปรับ ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงหนี้
3. ชำระหนี้ให้ครบถ้วนหรือตามจำนวนขั้นต่ำที่ระบุไว้
แม้เราจะชำระหนี้ทันตามกำหนดเวลา แต่ถ้าชำระไม่ครบถ้วนตามจำนวนขั้นต่ำที่ระบุไว้ เราก็ยังต้องเสียค่าปรับ ค่าธรรมเนียม ดังนั้น ต้องหาเงินมาชำระหนี้ให้ครบถ้วนตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในในแจ้งหนี้
4. เรียงลำดับหนี้ที่สำคัญ
โดยให้ความสำคัญกับหนี้ที่มีอันตรายดอกเบี้ยสูงก่อนหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยปกติ เช่น ถ้ามีเงินที่ต้องชำระหนี้ในจำนวนจำกัด ควรเลือกชำระหนี้ดอกเบี้ยปกติด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำ แล้วนำเงินที่เหลือทั้งหมดไปชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า และในระยะยาวถ้าสามารถทำได้ให้กู้เงินจากแหล่งเงินที่มีดอกเบี้ยต่ำ
ฝากไว้ให้คิด
หยุดคิดสักนิดก่อนตัดสินใจซื้อ (4 คำถามที่ควรถามก่อนซื้อ)
1. ซื้อไปทำอะไร
2. มีประโยชน์ใช้สอยหรือไม่
3. ราคาเหมาะกับคุณภาพหรือไม่
4. จำเป็นต่อการดำรงชีวิตแค่ไหน
สิ่งที่ไม่คุ้มค่าที่สุดของการช็อปปิ้งคือ การที่เราซื้อของเพราะเห็นว่ามันสวยถูกตาสะดุดใจ แล้วคิดว่า “เผื่อในอนาคตจะได้ใช้” ดังนั้น ก่อนที่จะซื้อของหยุดคิดสักนิดก่อน
[เทคนิคการออมเงิน]