วิธีการหักค่าลดหย่อนภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาด้วยเบี้ยประกันชีวิตนั้น กรมสรรพากรให้สิทธิผู้มีเงินได้เอาเงินที่จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันเกษียณ ประกันบำนาญ มาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในแต่ละปีเป็น 2 ส่วนดังนี้
ส่วนที่ 1 สิทธิการลดหย่อนภาษีจากค่าเบี้ยประกันชีวิตจำนวน 100,000 บาทต่อปี แต่ทั้งนี้ผู้เอาประกัน/ผู้มีเงินได้ ต้องทำประกันชีวิต/ประกันสุภาพ แบบที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
ส่วนที่ 2 สิทธิการลดหย่อนภาษีจากค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญและไม่มีเงินคืนระหว่าง ทางจำนวน 200,000 บาทต่อปี แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 15 % ของเงินได้พึงประเมิน แต่เมื่อรวมกับเงินได้ที่จ่ายเข้ากองทุนประเภทเดียวกัน เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และ เงินได้ที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
เมื่อนำสิทธิการลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกัน ชีวิตทั้ง 2 ส่วนมารวมกันแล้ว ผู้มีเงินได้มีสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึง 300,000 บาทต่อปี
การลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันชีวิต เป็นวิธีการหนึ่งที่ผู้มีเงินได้/ผู้ที่ทำงานรับเงินเดือนประจำนิยมมากใน ปัจจุบัน เพราะนอกจากผู้มีเงินได้/ผู้เอาประกันจะได้รับประโยชน์จากการเสียภาษีน้อยลง โดยตรงแล้ว ยังได้รับประโยชน์อื่นๆจากกรมธรรม์ประกันชีวิตอีกด้วย เช่น มีเงินเก็บออมไว้ใช้จ่ายในอนาคต ได้รับผลประโยชน์ในรูป เงินคืนรายปี เงินคืนเมื่อครบอายุกรมธรรม์ เงินปันผลรายปี ค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วย ค่าชดเชยกรณีนอนโรงพยาบาล ความคุ้มครองชีวิตในวงเงินที่สูงกว่าเบี้ยประกันฯรวมที่จ่ายไป เป็นต้น
ที่มา: taxsavingtips.net