รายได้ของแต่ละคนขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งอาจมีทั้งข้อจำกัดและโอกาสในการสร้างรายได้ที่แตกต่างกันไป แต่ในเมื่อคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากจะสร้างความมั่งคั่งให้กับชีวิตตัวเองในเวลาอันรวดเร็ว นอกจาจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานหนักหลายต่อหลายปีเพื่อเก็บสะสมเงินไว้มากมายแล้ว ก็อย่าปล่อยเวลาให้เงินฝากนอนแช่แข็งอยู่ในแบงก์ตามมุมมองและวิธีคิดแบบเดิม ๆ ที่รู้สึกว่า ... การออมเงินที่มั่นคงและอุ่นใจที่สุด คือ การฝากเงินกับธนาคารและภูมิใจกับยอดสะสมในบัญชีที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ รอกินดอกผลที่เติบโตอย่างช้า ๆ แม้จะไม่ได้ฟู่ฟ่าหวือหวา แต่ก็เก็บไว้กินได้จนถึงบั้นปลายชีวิต ความคิดแบบนี้อาจจะใช้ได้สำหรับคนกลุ่มหนึ่ง แต่สำหรับการสร้างหนทางสู่ความร่ำรวยที่มั่งคั่ง และมั่นคงทางการเงินของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้นั่นอาจไม่ใช่ทางออกและคำตอบที่ถูกต้องเสมอไป
บวกลบคูณหารให้ดี
ปัจจุบันจะเห็นว่าการฝากเงินกับธนาคารไม่ได้ทำให้ยอดเงินในบัญชีกระเตื้องขึ้นมากนัก เพราะอัตราดอกเบี้ยมีการผันผวนอยู่เสมอ บางช่วงก็ลดต่ำลงเกือบ 0% หรือถ้าฝากแบบประจำยิ่งแล้วใหญ่ หักลบอัตราเงินเฟ้อแล้วก็แทบจะไม่เหลือดอกเบี้ยให้ชื่นใจเสียด้วยซ้ำ ส่วนที่ธนาคารมีโปรโมชั่นเชิญชวนให้ฝากเงินพร้อมดอกเบี้ยล่อตาล่อใจ 4.5% หรือ 5.5% ต่อปี ถ้าฝากแบบประจำเป็นเวลา 10 เดือน 20 เดือนขึ้นไป ซึ่งเมื่อได้เข้าไปสอบถามข้อมูลจริง ๆ แล้วก็ต้องอึ้งกิมกี่กับคำตอบที่ได้รับกลับมาเหมือนกัน
เพราะเสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าหน้าที่ธนาคารอธิบายได้ละเอียดว่า การจะเป็นเจ้าของดอกเบี้ยเงินฝากสูงขนาดนั้นได้ คุณต้องมีเงินฝากขั้นต่ำเดือนละหนึ่งแสนบาทขึ้นไป หรือมากกว่านั้น แถมต้องฝากติดต่อกันนานถึง 18 เดือน การฝากเงินจำนวนมากขนาดนี้ทุก ๆ เดือน ถ้าไม่มีเงินเป็นถุงเป็นถัง อย่าคิดว่าจะได้แอ้มเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่ได้ยึดติดกับการฝากเงินและรอดอกเบี้ยจากธนาคาร การแบ่งเงินเก็บมาลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่งอกเงยได้ไม่น้อย
มีสมอง มีเงินทุน มีความกล้า
เมื่อผู้เขียนคิดจะนำเงินออกมาลงทุนในระยะแรก ตอนนั้นบอกได้คำเดียวว่ากล้า ๆ กลัว ๆ ไม่อยากเอาเงินเก็บไปเสี่ยงกับการลงทุน แถมนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะเอาเงินไปลงทุนอะไรดี คิดนู่นคิดนี่ไปต่าง ๆ นานา เพื่อหาคำตอบที่แน่ชัดให้ตัวเอง ตามหลักการลงทุนแล้ว กูรูด้านการเงินทั้งหลายมีคำแนะนำเป็นคอนเซปต์ตายตัวว่า การลงทุนไม่ว่าจะเป็นการลงทุนอะไรก็ตาม จะต้องมีเงินทุน มีความกล้า มีสมอง
แต่ถ้าเราเป็นมือใหม่หัดลงทุน การใช้เวลานั่งคิดทบทวนและการศึกษารายละเอียดเรื่องการลงทุนอย่างถี่ถ้วน ก็จะทำให้รู้ว่าเราควรจะลงทุนแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับศักยภาพของตัวเองมากที่สุด เมื่อเริ่มต้นจะนำเงินไปลงทุน เราก็ต้องเลือกลงทุนอย่างชาญฉลาด เพราะการลงทุนนั้นรู้อยู่แล้วว่ามีความเสี่ยง แต่จะมาหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเป็นหลักอีกเช่นกัน ที่ผ่านมามีทั้งผู้ที่ขาดทุนจากการลงทุน และผู้ที่ได้กำไรอย่างงดงาม ดังนั้นการลงทุนที่มั่นคงที่สุด จึงไม่ควรผลีผลามและตื่นเต้นไปกับผลกำไรจากการโฆษราชวนเชื่อหรือการชักจูงของผู้อื่น เดี๋ยวจะกลายสภาพเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟ เป็นเหยื่อของการลงทุน ถ้าเป็นไปได้ควรทำใจยอรับความเสี่ยงทีเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ที่สำคัญ เงินที่นำไปลงทุนนั้นไม่ควรกระทบต่อรายจ่ายในแต่ละเดือนและแนะนำว่าอย่าโลภมาก อย่าคาดหวังกับผลประโยชน์ที่มากเกินไป เพราะแทนที่จะได้เงินเพิ่มขึ้น มันจะทำให้เงินออกจากกระเป่าโดยไม่รู้ตัว
Money Tips : ออมอย่างไรให้รวย
เนื่องจากดอกเบี้ยเงินฝากให้ผลตอบแทนไม่สูง ทั้งยังต้องเสียภาษี ดอกเบี้ยอีกร้อยละ 15 และที่สำคัญมากก็คือ ปีนี้พระราชบัญญัติเงินฝากจะมีผลบังคับใช้ ทำให้ไม่สามารถรัยรองได้ว่าผลตอบแทนเงินฝากจะอยู่แน่นอนที่เท่าไร ดังนั้น การออมเงินที่ผสมการลงทุนในรูปแบบกองทุนต่าง ๆ จึงเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ เนื่องจากผลตอบแทนดีกว่า แต่อาจมีความเสี่ยงบ้าง ซึ่งในเรื่องผลตอบแทนและความเสี่ยงมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงมาก ขึ้นอยู่กับประเภทการลงทุน ส่วนประเด็นเรื่องการออมให้งอกเงยนั้น แนะนำว่าควรจัดสรรเงินร้อยละ 30 ลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งได้ผลตอบแทนสูง แต่มีความเสี่ยงมาก อย่างไรก็ตาม หากูข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี จะพบว่าตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี อาจมีความผันผวนบ้าง แต่หากมองในแง่ของการลงทุนระยะยาว ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงแล้วน่าสนใจกว่า
อย่างไรก็ดี ไม่ควรนำเงินออมทั้งหมดไปลงทุนในตลาดหุ้น เพราะเข้าข่ายเก็งกำไร จะทำให้เครียดเกินไป ที่เหลืออีกร้อยละ 70 ควรลงทุนในตราสารหนี้ หรือออมในรูปแบบอื่น ๆ ที่ไม่เครียด ไม่กังวลแม้หุ้นจะตกบ้างบางปี แต่ผลตอบแทนจากตราสารนี้หรือจากเงินออมในรูปแบบอื่นจะเข้ามาชดเชย หากปีไหนหุ้นขึ้นดีก็ถือเป็นโบนัส จะเก็บไว้ลงทุนต่อ หรือนำเฉพาะผลตอบแทนไปซื้อรถยนต์ เครื่องเพชรให้ตัวเองก็ได้
