หลายๆ คนคงเคยได้ยินคำถามที่เกี่ยวข้องกับจังหวะเวลาในการลงทุน (Market Timing) ว่า ควรเลือกลงทุนในกองทุนรวม ช่วงเวลาไหน หรือเมื่อไหร่ดีจึงจะเหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ก็เพราะคงไม่มีใครที่สามารถคาดการณ์สภาวะการลงทุนหรือราคาซื้อขาย ได้อย่างแน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่ราคาจะปรับตัวลดลง และทำให้ซื้อหน่วยลงทุนได้ในราคาที่ต่ำที่สุด หรือเมื่อไหร่ที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น และทำให้ต้องซื้อหน่วยลงทุนในราคาที่สูงขึ้น ส่งผลให้มีคำถามต่อยอดตามมาคือ จะมีเทคนิคการลงทุนใดบ้างที่สามารถ
ลดความผันผวนของราคาหรือสภาวะการลงทุนข้างต้น และยังทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการได้
แน่นอนว่า คำตอบของคำถามดังกล่าวข้างต้น ก็คือ “เทคนิคการลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging (DCA)” ซึ่งเป็นการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำในระยะยาว โดยมีการกำหนดช่วงเวลาสำหรับการลงทุนไว้อย่างแน่นอนเป็นงวดๆ เช่น ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุกไตรมาส ด้วยเงินลงทุนที่เท่าๆ กันในแต่ละงวดนั่นเอง
สำหรับแนวคิดภายใต้เทคนิคการลงทุนแบบนี้มองว่า แทนที่จะลงทุนซื้อหน่วยลงทุนแบบทุ่มเป็นเงินก้อนใหญ่ (Lump - sum) ในทีเดียว ก็ให้ทยอยลงทุนในหน่วยลงทุนเป็นจำนวนเงินคงที่เท่าๆ กัน ตามระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่สนใจว่า ราคาหน่วยลงทุน ณ วันที่เข้าลงทุนนั้นจะเป็นเท่าใด ทั้งนี้ นักลงทุนจะได้รับจำนวนหน่วยลงทุนมากน้อยแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงเวลาที่ได้ลงทุนไป หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ มีการกระจายการซื้อหน่วยลงทุนตลอดเวลา ทั้งในยามที่ตลาดดีและตลาดไม่ดี ด้วยเงินจำนวนเดียวกัน โดยหาก ณ เวลาที่ลงทุน ปรากฏว่าราคาหน่วยลงทุนแพง ก็ทำให้ซื้อได้จำนวนน้อยลง ในทางกลับกัน หากราคาหน่วยลงทุนถูกก็ซื้อได้มากขึ้น เป็นการถัวเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุนให้ลดน้อยลง และเพิ่มเสถียรภาพของผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยลดความกังวลใจเกี่ยวกับจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม และลดความเสี่ยงของการเข้าลงทุนผิดจังหวะด้วยเงินลงทุนก้อนใหญ่ในครั้งเดียว ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดวินัยในการลงทุนขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ เทคนิคการลงทุนแบบ DCA มีลักษณะการลงทุนที่ควรรู้ดังต่อไปนี้
- ต้องเป็นการลงทุนในระยะเวลายาว เช่น 5 ปี 10 ปี เป็นต้น
- ต้องพิจารณาว่า มีความสามารถในการลงทุนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอได้หรือไม่
- ต้องมีการกำหนดช่วงเวลาสำหรับการลงทุนไว้อย่างแน่นอนเป็นงวดๆ เช่น ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุกไตรมาส เป็นต้น
- ต้องมีการกำหนดจำนวนเงินที่ต้องใช้สำหรับการลงทุนเป็นจำนวนคงที่เท่าๆ กันในแต่ละงวด
- ต้องมีวินัยในการลงทุน โดยไม่หวั่นไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะการลงทุนที่เกิดขึ้นในท้องตลาดแต่อย่างใด
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ลองพิจารณาจากตัวอย่างของนายออมสิน ที่ตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ ทุกเดือน เดือนละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลารวม 6 เดือน ดังนี้
เดือน | จำนวนเงินลงทุน (บาท) | ราคาหน่วยลงทุน | จำนวนหน่วยลงทุน |
มกราคม | 5,000 | 9 บาท/ หน่วย | 555.5 |
กุมภาพันธ์ | 5,000 | 10 บาท/ หน่วย | 500.0 |
มีนาคม | 5,000 | 8 บาท/ หน่วย | 625.0 |
เมษายน | 5,000 | 11 บาท/ หน่วย | 454.5 |
พฤษภาคม | 5,000 | 12 บาท/ หน่วย | 416.6 |
มิถุนายน | 5,000 | 10 บาท/ หน่วย | 500.0 |
ยอดรวม | 30,000 | 3,051.6 |
จากตัวอย่างข้างต้น ราคาเฉลี่ยของหน่วยลงทุนเท่ากับ 10 บาท [(9 + 10 + 8 + 11 +12 + 10)/ 6] แต่ต้นทุนถัวเฉลี่ยของนายออมสินกลับเท่ากับ 9.83 บาทเท่านั้น [30,000/ 3,051.6] ถือเป็นการช่วยลดต้นทุนในการลงทุนให้น้อยลง และยังทำให้นายออมสินไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับเรื่องจังหวะการเข้าลงทุนแต่อย่างใด
ดังนั้น จากลักษณะการลงทุนดังกล่าวข้างต้นจึงกล่าวได้ว่า เทคนิคการลงทุนแบบ DCA เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาหรือความรู้เพียงพอที่จะติดตามสภาวะการลงทุน และต้องการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด ตลอดจนรักษาผลตอบแทนให้ได้ในระดับที่เหมาะสมนั่นเอง
ที่มา: tsi-thailand.org