หลุมพรางที่จะทำให้ไม่มีเงินใช้ยามเกษียณ

 

วางแผนเกษียณ

“อีกตั้งนาน กว่าจะเกษียณ จะรีบคิดไปทำไม” “วางแผนใช้เงินอย่างอื่นก่อนดีไหม แล้วใกล้เกษียณค่อยคิดถึงการวางแผนสำหรับเกษียณ” “เดี๋ยวเกษียณก็มีเงินก้อน ก็ใช้เงินก้อนสุดท้ายที่ได้รับเพื่อการเกษียณก็แล้วกัน” “เอาเงินสะสมตอนเกษียณมาใช้หนี้ก่อนดีไหม เกษียณแล้วจะได้ไม่มีหนี้” หลายๆ คำพูด หลายๆ ความคิดสำหรับการเกษียณ ทำให้การเดินทางไปสู่เป้าหมายเกษียณอย่างมีความสุข ดังที่หลายท่านเคยตั้งใจไว้นั้น ไม่บรรลุเป้าหมาย เนื่องจากประสบพบเจอหลุมพรางระหว่างทางการออมเงินสำหรับการเกษียณ จึงทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเกษียณอย่างที่ตั้งใจไว้ ดังนั้นท่านจึงต้องระมัดระวังหลุมพรางเล็กๆ น้อยๆ ที่เข้ามาตลอดช่วงระยะเวลาการเดินทางไปสู่การเกษียณให้ดี


     หลุมพรางที่จะทำให้ไม่มีเงินใช้ยามเกษียณ มีดังนี้

          1. ระหว่างทางการออมสำหรับเป้าหมายเกษียณ มีเป้าหมายอื่นที่ท่านคิดว่ารีบด่วน และต้องการบรรลุเป้าหมายนั้นให้ได้ก่อน เช่น การซื้อรถยนต์ การศึกษาบุตร ทำให้ท่านหยุดออมสำหรับเป้าหมายเกษียณ แล้วไปออมสำหรับเป้าหมายอื่นแทน หนำซ้ำบางท่านนำเงินที่เคยออมสำหรับเป้าหมายเกษียณไปเป็นเงินสำหรับเป้าหมายอื่นที่คิดว่าสำคัญกว่า แล้วคิดว่าหลังจากบรรลุเป้าหมายอื่นแล้วค่อยๆ ทยอยสะสมสำหรับเป้าหมายการเกษียณใหม่ ทำให้การออมสำหรับเป้าหมายเกษียณไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ หรืออาจบรรลุได้แต่เป้าหมายลดลงไปจากความต้องการ

          2. ใช้จ่ายอย่างไม่ยั้งคิด คิดว่าเมื่อเกษียณแล้วจะมีเงินก้อนสำหรับใช้จ่ายหลังเกษียณ เช่น เงินจากกองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ซึ่งกองทุนดังกล่าวเมื่อทำงานและอยู่ในกองทุนจนครบตามเงื่อนไขจะได้รับเงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญ (แล้วแต่ประเภท) ทำให้หลายท่านเกิดความประมาทคิดว่าเมื่อเกษียณแล้วจะมีเงินก้อนสำหรับการใช้จ่ายหลังเกษียณ แต่ท่านได้คิดเผื่อหรือไม่ว่า รายได้จากกองทุนเหล่านี้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายหลังเกษียณหรือไม่ เพียงพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลเมื่อท่านเจ็บไข้ได้ป่วยหรือไม่

          3. นำเงินก้อนสุดท้ายที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญ ไปหักหนี้ที่ก่อไว้ จนท้ายที่สุดไม่มีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายเมื่อเกษียณ

          4. คิดว่าลูกหลานจะเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า เนื่องจากคนไทยเป็นสังคมครอบครัวใหญ่ อยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าตายาย พ่อแม่ลูกหลาน แต่เนื่องด้วยปัจจุบันสังคมเปลี่ยนแปลงไปขนาดครอบครัวเล็กลง และเป็นสังคมเดี่ยวมากขึ้น บางครอบครัวมีลูกเพียงคนเดียวหรือไม่มีเลย ทำให้ไม่สามารถพึ่งพิงบุตรหลานได้

          5. ลืมคิดไปว่าเมื่อเกษียณแล้ว สุขภาพที่แข็งแรงในปัจจุบันจะเสื่อมลง พร้อมๆ กับสวัสดิการที่เคยได้รับจากบริษัทก็หมดลงเช่นกัน (โดยปกติสวัสดิการจะได้รับเมื่อยังทำงานอยู่) ทำให้เกิดความประมาท คิดว่าเมื่อเกษียณแล้ว หากมีรายได้ลดลงแต่สุขภาพแข็งแรงก็อาจทำให้ใช้จ่ายลดลงได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วนอกจากรายได้ที่ได้รับลดลงแล้ว ยังมีรายจ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นด้วย

          6. คิดว่าไม่ต้องวางแผนเกษียณก็สามารถใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุขได้ เนื่องจากสมัยก่อนก็ไม่มีการวางแผนเกษียณเช่นกัน นั่นเป็นเพราะว่าสมัยก่อนวิวัฒนาการทางการแพทย์ยังไม่เจริญเหมือนปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้ไม่แพงมาก อีกทั้งปัจจุบันคนมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นและมีอายุยืนยาวขึ้น แต่เกษียณจากการทำงานเร็วขึ้น ทำให้มีเวลาใช้ชีวิตหลังเกษียณนานขึ้น หากไม่มีการวางแผนเกษียณที่ดีอาจมีเงินใช้หลังเกษียณไม่เพียงพอได้

ที่มา :  ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล ธนาคารกสิกรไทย

    Choose :
  • OR
  • To comment