อยากจะแชร์ในเรื่องการออมเงินในหุ้นหน่อยว่ามีทางไหนที่จะทำให้เงินเรา งอกอย่างปลอดภัยได้ โดยที่เราไม่ต้องมีความรู้ในหุ้นเลยก็น่าจะเรียกว่าอย่างนั้นได้ครับ
![]() |
รวยด้วยการออมหุ้นห่านทองคำ |
หนังสือได้พูดถึงการเริ่มต้นออมเงินในหุ้นแบบง่ายๆ ในหนังสือเรียกว่าการลงทุนแบบนกน้อยทำรังแต่พอตัว กล่าวถึงให้ซื้อหุ้นแบบสะสมรายเดือนกับบริษัทซิกโก้ ในราคาแค่หลักพันบาท โดยอาจจะเป็น สองพัน สามพัน กี่พัน ต่อเดือนก็ได้ ซึ่งหลักการนี้เรียกว่า dollar cost average ซึ่งเป็นหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์คัดมาแล้วว่าเป็นหุ้นที่ดี พวกเรารู้จักกันทั้งนั้น เช่น ปตท ซีพี บ้างพฤกษา ฯลฯ มีสภาพคล่องสูง และที่สำคัญ บริษัทฯ ยังมีการนำสถิติที่ผ่านมาของโครงการในหุ้นใน set50 แต่ละตัวมาให้เราดูย้อนหลังด้วย ว่าถ้าคุณซื้อ 1 ปีที่แล้ว 2 ปีที่แล้ว หรือ 3 ปีที่แล้ว คุณจะได้รับผลตอบแทนเป็นเท่าไหร่ บางตัวก็สองร้อยเปอรเซ็น ทำให้ผมคิดว่าคนไม่มีความรู้อย่างเราน่าจะเริ่มต้นซื้อหุ้นเพื่อการออมได้ ง่ายมากขึ้น ซึ่งผลตอบแทนของหุ้นที่เห็นในตารางตามลิงค์นั้น ยังไม่รวมกับเงินปันผลที่จะได้นะครับ ที่โชว์ในตารางนั้นคือผลตอบแทนที่เรียกว่า capital gain
set50 หลังจากนั้น ด้วยความไม่เสี่ยงมาก ลองแบบถ้าใครจะโกงเรา หรือเราจะขาดทุนเพราะหุ้นก็ช่างมัน ผมเริ่มโดยเอาหุ้นทั้งห้าสิบตัวที่มีให้เลือก มาทำการเรียงใน excel ซะเลย หาตัวไหนที่มีผลตอบแทนในระยะเวลาเฉลี่ย 3 ปีที่สูงที่สุด (แต่ก็ยังมองในระยะเวลา 1 ปี และ 2 ปี ด้วยนะครับ) และเพื่อความกันเหนียวอีกขั้น ผมก็ไปหาข้อมูลของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อีกชั้นนึ่งว่าหุ้นตัวที่ผมเลือกมี กำไร หรือผลประกอบการ และมีการจ่ายปันผลที่ดีหรือเปล่า (เรียกว่าไม่ได้ capital gain ก็ขอปันผลก็ได้) เมื่อคัดเลือกได้แล้ว ผมเริ่มลงทุนโดยใช้เงิน เพียง 3000 บาทต่อเดือน มาเป็นระยะเวลาปีครึ่ง ผลตอบแทนไม่อยากเชื่อครับ ใกล้เคียงกับสถิติมาก อยู่ประมาณสามสิบห้าเปอร์เซ็นต์ต่อปี (ตัวเลขจำไม่ค่อยได้นะครับ) จากนั้นผมเริ่มมั่นใจว่าโครงการออมแบบนี้ดีแน่ ไม่ต้องมีความรู้มาก ก็ดีกว่าเงินฝาก หรือซื้อกองทุนเป็นไหนๆ ผมก็เลยเพิ่มยอดการซื้อต่อเดือนไปใกล้ๆ หมื่น จนถึงปัจจุบันเนี่ยครับ ผลตอบแทนตอนนี้ประมาณ 28% ต่อปี ซึ่งมากกว่าการฝากเงินเป็นไหนๆ ครับ ซึ่งสิ่งที่ผมอยากแชร์คือ การออมเงินแบบนี้ผมคิดว่าไม่เสียงมากครับ เงินเพียงไม่กี่พันบาทตอเดือน สะสมไปเรื่อยๆ อาจงอกเงยเป็นเงินแสนเงินล้านได้
ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ "การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงยิ่งกว่าก็คือการไม่เข้าใจความเสี่ยงนี่แหละ"
ที่มา: http://www.oknation.net/blog/STRATEGICSTOCK/2012/07/10/entry-1