เทคนิคการลงทุน: 7 วิธีซื้อหุ้นสำหรับคนที่ไม่ใช่เซียนหุ้น
เทคนิคการลงทุน: ถ้าบังเอิญคุณผู้อ่านเป็นเซียนหุ้น ผู้เขียนคงไม่ขอแนะนำแล้ว เพราะเซียนหุ้นนั้นจะมีความคล่องแคล่วว่องไว ดูกราฟ หาข่าว เข้าไว ออกไว และมีเวลาเล่นกันทั้งวัน เทคนิคนั้นจะต้องเรียนรู้กันหลายปี เสียเงินกันไปเยอะกว่าจะเก่ง เหมือนกับเป็นอาชีพหนึ่งเลยก็ว่าได้
แต่ถึงไม่ใช่เซียนหุ้น เราก็สามารถจะทำกำไรจากการเล่นหุ้นได้ โดยเลือกซื้อหุ้นด้วยวิธีที่ปลอดภัยสุด ๆ ซึ่งคนที่มีเงินเยอะเป็นพันเป็นหมื่นล้านจะทำไม่ได้นอกจากเราผู้มีเงินไม่มากนัก
1.เลือกซื้อหุ้นในปีที่หุ้นตกสุด ๆ
หุ้นไทยสิบกว่าปีที่ผ่านมาก วิ่งอยู่ที่ 200-900 จุดมาสองรอบแล้ว หากคุณเห็นว่าหุ้นต่ำกว่า 400 จุด โดยอาจจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่ประเทศอื่น ๆ ทำให้ผู้มีเงินเยอะ ๆ จำเป็นต้องถอนเงินออกไป ก็เป็นคราวของคนมีเงินน้อยอย่างเราจะเข้าซื้อหุ้น ซึ่งก็แน่นอนว่าหุ้นเหล่านั้นถูกมาก ๆ ใคร ๆ ก็อยากได้ แต่บังเอิญคนที่มีเงินเยอะกำลังขาดเงินพอดี นั่นคือจังหวะของเรา
2.เลือกหุ้นที่มีปันผล (Dividend) มาเป็นประจำ
หุ้นนั้นดีที่มีปันผล หากจะหุ้นที่ปันผลเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ได้มากกว่าเงินฝากประจำก็มีหุ้นน่าซื้อนับร้อย ๆ ตัว การถือหุ้นที่มีปันผลมาก 6-13% ต่อปี นั้นเป็นเรื่องที่ดีกว่าการลงทุนประเภทอื่น ยิ่งถ้าซื้อตอนช่วงหุ้นถูก ๆ ในปีที่เป็นวิกฤตเศรษฐกิจด้วยแล้ว อาจจะได้กำไรทั้งปันผลและมูลค่าหุ้นที่แพงขึ้นด้วยก็ได้
อนึ่งการดูหุ้นปันผลต้องดูย้อนหลังให้นานที่สุด เพราะธุรกิจบางอย่างค่อนข้างแน่นอน เช่น ร้านหนังสือซีเอ็ด (Se-ed) และอัมรินทร์ (Aprint) ปันผลใกล้เคียงกันมาหลายปี แต่ธุรกิจบางชนิดเป็นวัฎจักร เช่น หุ้นเดินเรืออย่าง พรีเซียส ซิปปิง (PSL) และโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ซึ่งมีช่วงกำไรมาก กำไรน้อย ต้องกะจังหวะเข้าให้ดี และข้อควรระวังคือ อย่างซื้อหุ้นที่ปันผลอย่างเดียว เพราะบางบริษัทปันผลมากก็จริง แต่เป็นการปันผลทิ้งทวน บริษัทมีปัญหากำลังใกล้จะเลิกกิจการก็มี ดูปันผลย้อนหลังได้ที่ www.settrade.com
3.เลือกซื้อหุ้นจากความมั่นใจในกิจการ
เราซึ่งเป็นคนธรรมดาจะรู้ว่ากิจการไหนดูดีไม่ดี จากการใช้บริการ และซื้อสินค้านั้น ๆ หากเรามั่นใจและคิดว่าใคร ๆ ก็มั่นใจ มีโอกาสสูงที่หุ้นจะมั่นคง และถ้ากิจการเพิ่งเปิด ขยายเร็ว ไม่ทันมีกำไร เราก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งมาก เพราะความเสี่ยงสูง ควรดูกิจการที่ทำมาอย่างน้อย 4 ปี และดูงบกำไรขาดทุนว่ามีกำไรมาตลอด และตรวจสอบงบดุลว่าไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว คือไม่มีส่วนหนี้สินมากกว่าส่วนผู้ถือหุ้น หากว่าดูไม่เป็นก็ควรปรึกษาเพื่อนหรือนักบัญชีช่วยดูให้ ในเว็บไซต์ www.settrade.com เราสามารถค้นหาหุ้นและดูผลประกอบการได้ทุกตัว
4.เลือกหุ้นเฉพาะผู้บริหารที่มีคุณธรรม จริยธรรม
แม้ว่าจะมีเจ้าของกิจการจำนวนมากในตลาดหลักทรัพย์ เป็นคนมีคุณธรรม ไม่คดโกงผู้ถือหุ้น ดูจากการที่มีผลประกอบการที่ดีมายาวนาน แต่ก็มีไม่น้อยที่เป็นคนหลอกลวง ปล่อยข่าวให้หุ้นขึ้นลงเพื่อตัวเองจะได้ประโยชน์ บางคนร่วมมือกับมาเฟียคอยปั่นหุ้นหลอกรายย่อยอยู่ตลอด ดังนั้นหากไม่รู้จักผู้บริหารมานานพอก็ไม่ควรซื้อหุ้นตัวนั้น โดยวิธีการรู้จักผู้บริหารอาจตรวจสอบจากข่าวย้อนหลัง สอบถามเพื่อนที่ทำงานอยู่กับบริษัทนั้น และปรึกษากับเพื่อนพารวย ข่าวลือทางร้ายถือว่าพอเชื่อถือได้สำหรับในตลาดหลักทรัพย์แล้ว เพราะแค่มีข่าวลือก็ทำให้หุ้นตกได้
5. คิดว่านี่คือการซื้อบริษัท และควรถือยาวได้
ในการซื้อหุ้นนั้นอย่าคิดเพียงว่าซื้อเก็งกำไร ให้คิดว่าจะซื้อบริษัทนั้นทั้งบริษัท หากอนาคตบริษัทนั้นไม่ค่อยดี เช่น มีคดีความสำคัญ อาจโดนยึดสัมปทานหรือมีสินค้าอื่นทดแทนก็ไม่ควรซื้อ เพราะถือยาวไม่ได้
6.ใช้เงินนอนซื้อหุ้น
หุ้นนั้นมีขึ้นมีลงตลอด หากดูหุ้นทุกวันก็มักจะเสียมากกว่าได้ จึงควรดูหุ้นนาน ๆ ครั้ง และตัดสินใจช้า ๆ เพราะยังไงหุ้นเราก็มีปันผล หากขาดทุนบ้าง แต่กิจการน่าจะดีในอนาคตก็ยังรับปันผลได้ หากใช้เงินกู้หรือยืมมาก็อาจโดนบังคับให้ขายตอนขาดทุนสุด ๆ โดยเฉพาะเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ทุกคนก็อยากได้เงิน เจ้าหนี้ก็มักจะเรียกหนี้คืนในเวลานี้
7.อย่าซื้อหุ้นตามเสียงเชียร์
ข่าวนักวิเคราะห์ มักเชียร์หุ้นว่ากำลังจะขึ้น หุ้นกำลังแรง สิ่งเหล่านี้เชื่อถือได้ยาก ธรรมดาหมอดูคู่หมอเดา หากเขารู้จริงคงซื้อกันไปหมดแล้ว บ่อยครั้งจึงเป็นข่าวลวงหรือผิดพลาดโดยไม่ได้เจตนา ซึ่งหากใครเชื่อตามก็ไม่ค่อยจะกำไรจากการซื้อหุ้น จึงควรตัดสินใจด้วยตนเอง