เทคนิคการเลือกลงทุนในกองทุนรวม

 


เนื่องจากการตัดสินใจเลือกลงทุนในกองทุนรวมแต่ละประเภทย่อมที่จะแตกต่างกันออกไปตามความต้องการและเงื่อนไขของนักลงทุนแต่ละราย กองทุนรวมที่เหมาะกับนักลงทุนรายหนึ่ง อาจจะไม่เหมาะกับนักลงทุนอีกรายหนึ่งก็เป็นได้ ดังนั้น การเลือกเฟ้นเพื่อหากองทุนรวมที่เหมาะสมกับนักลงทุนแต่ละรายจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเทคนิคการเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่นักลงทุนควรรู้มีดังนี้

- อ่านหนังสือชี้ชวนให้ละเอียด เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนและเงื่อนไขสอดคล้องกับความต้องการของตนเอง ทั้งในเรื่องของผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- หากนักลงทุนมีความรู้ความชำนาญในหลักทรัพย์เฉพาะกลุ่ม เช่น หุ้นกลุ่มพลังงาน หรือมีความรู้ความชำนาญในทรัพย์สินบางประเภท เช่น อสังหาริมทรัพย์ ก็อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนเฉพาะในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินดังกล่าวข้างต้นได้
- หากต้องการสภาพคล่องในการขายคืน ก็ควรเลือกลงทุนในกองทุนเปิดที่สามารถขายคืนเมื่อใดก็ได้ ในทางกลับกัน หากต้องการลงทุนแบบซื้อแล้วถือ (Buy and Hold) ก็ควรเลือกลงทุนในกองทุนปิดที่มีระยะเวลาในการลงทุนยาว และมีอายุครบกำหนดไถ่ถอนที่แน่นอนในอนาคต
- ควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีผลการดำเนินงานหรือให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับดัชนีมาตรฐาน (Benchmark) อย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
- ไม่ควรให้น้ำหนักความสำคัญกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุนรวมในอดีต ทั้งนี้ก็เพราะผลงานในอดีต เป็นเพียงแค่ข้อมูลอ้างอิง ไม่ได้รับประกันผลงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแต่อย่างใด
- เลือกกองทุนรวมที่มีค่าใช้จ่ายต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ที่มีลักษณะ และนโยบายการลงทุนเหมือนกัน
- เลือกกองทุนรวมที่ให้บริการครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นด้านการซื้อ การขาย หรือการโอนย้ายหน่วยลงทุน และสามารถที่จะทำการซื้อขายได้หลากหลายช่องทาง  
- พิจารณาสภาวะตลาดเพื่อหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อขายหน่วยลงทุน โดยเฉพาะในกรณีของกองทุนรวมตราสารทุน หากสภาวะตลาดทุนในขณะนี้ค่อนข้างซบเซา แต่คาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นในอนาคต ก็ควรที่จะซื้อหน่วยลงทุนเก็บเอาไว้ ในทางกลับกัน หากสภาวะตลาดทุนขึ้นสูงสุดและมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทิศทาง ก็ควรที่จะขายออกไปก่อน
- พิจารณาแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในกรณีของกองทุนรวมตราสารหนี้ หากคิดว่า อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้น ก็ควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น หรือกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้การลงทุนนั้นสามารถเกาะไปกับอัตราดอกเบี้ยที่กำลังปรับตัวขึ้น ในทางกลับกัน หากคิดว่า อัตราดอกเบี้ยจะคงที่ หรือมีแนวโน้มที่จะลดลง ก็ควรที่จะเลือกลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาว เพื่อล็อกอัตราดอกเบี้ยที่สูงๆ ไว้ จะได้ไม่เสียโอกาสในการที่จะได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูง เมื่อมีการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยเกิดขึ้นจริงๆ

    Choose :
  • OR
  • To comment