เทคนิคการลงทุน: เล่นหุ้นอย่างไรไม่เสี่ยง

 

เทคนิคการลงทุน: เล่นหุ้นอย่างไรไม่เสี่ยง

เทคนิคการลงทุน: มีหลายคนสอบถามถึงวิธีการเล่นหุ้น เพราะเห็นมาว่า ตลาดหุ้นสร้างความร่ำรวยให้คนได้มากมาย แม้แต่เศรษฐีรวยระดับโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ยังมีเงินลงทุนในตลาดหุ้นมหาศาลนับพันนับหมื่นล้านเหรียญ
คนไทยเราก็มีหลายราย บางคนบอกว่าตนเองสามารถสร้างเงินได้นับร้อย ๆ เท่าในตลาดหุ้น

มีคนเคยบอกว่าหุ้นนั้นสิบคนจะประสบความสำเร็จเพียงหนึ่ง จึงนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรวยด้วยวิธีนี้
ถ้าจะอธิบายคำตอบของเรื่องหุ้น คงต้องว่ากันยืดยาวเป็นหนังสือเล่ม ๆ ก็ยังไม่จบ เพราะหุ้นก็นับได้ว่าเป็นการลงทุนที่ปราบเซียนมิใช่น้อย หลายคนรุ่ง หลายคนล่ม แล้วแต่ดวงและฝีมือของแต่ละคน

เทคนิคการลงทุน: แม้ว่าการเล่นหุ้นนั้นไม่ยาก แค่ติดต่อไปยังโบรกเกอร์ซึ่งมีอยู่ประมาร 40 ราย โดยที่ดัง ๆ มีหลายราย อาทิ บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (Kimeng), บริษัทหลบักทรัพย์คันทรีกรุ๊ป (CGS) และ เคที ซิมิโก้ ซิเคียวริตี้ (KTZ) โทร.เข้าบริษัทแล้วแจ้งว่าต้องการเปิดบัญชีซื้อขาย ไม่กี่วันก็ซื้อขายหุ้นได้ โดยจะโทร.ไปบอกมาร์เก็ตติ้งให้ทำให้ หรือใช้โปรแกรมในอินเทอร์เน็ตซื้อขายเองก็ไม่ยากแต่ปัญหาที่แท้จริงก็คือ เล่นอย่างไรจึงจะได้กำไร ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดยากจริง ๆ โบราณว่าไว้ รู้อะไรให้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล หากไม่เก่งจริงก็มีแต่เจ๊งอย่างเดียว

เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เสี่ยง ก่อนจะก้าวสู่ตลาดหุ้นควรตรวจสภาพความพร้อมและความเหมาะสมของเราเสียก่อน ว่าเหมาะกับตลาดหุ้นแค่ไหน หัวข้อต่อไปนี้เป็นแบบทดสอบที่คุณสามารถถามตัวเองว่า พร้อมจะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นหรือยัง

เทคนิคการลงทุน:  

     1. ตลาดหุ้นเป็นตลาดเก็งกำไร ราคาขึ้นลงผันผวนเฉลี่ยมากกว่า 1% ในแต่ละวัน เป็นผลจากทั้งทางจิตวิทยาและจากทางเทคนิค ที่บางคนใช้วิธีดูกราฟเอา บางปีราคาอาจจะขึ้นไปเท่าตัวและลดลงเหลือแค่ครึ่งเดียว ผู้ลงทุนในตลาดหุ้นจึงควรมีเงินนอน ไม่ใช่เงินกู้ มิฉะนั้นอาจจะถูกบังคับขายถูกจากผู้ให้กู้ ซึ่งจะทำให้ขาดทุนจริง ๆ ซึ่งถ้าเป็นเงินนอนก็สามารถอดทนให้สถานการณ์ที่เลวร้ายผ่านไปได้ เพราะหุ้นนั้นมีลงได้ก็มีขึ้นได้
   
     2.การซื้อขายในตลาดหุ้นทำเป็นล็อตโดยผ่านคนกลาง ซึ่งมีค่าคอมมิชชันในการซื้อขายประมาณ 0.15-0.2% ต่อครั้ง และหากซื้อน้อยก็มีขั้นต่ำด้วย การซื้อขายในแต่ละวันที่ต่ำกว่า 20,000 บาทจึงมักไม่คุ้มค่า คนเล่นหุ้นจึงควรมีเงินจำนวนมากกว่าหลักหมื่นเพื่อใช้ในการลงทุน

     3.ตลาดหุ้นนั้นมีบริษัทอยู่เป็นจำนวนหลายร้อยบริษัท การซื้อหุ้นของบริษัทหนึ่ง ๆ ต้องสามารถเข้าใจงบการเงิน เข้าใจสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และทราบถึงแนวทางการบริหารของผู้บริหารนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดีมิฉะนั้นจะทำให้เสี่ยงและไม่ต่างกับการพนัน

     4.กำไรของการเล่นหุ้นมาจากสองส่วนคือ ซื้อถูกขายได้แพง และปันผล แต่จากการที่หุ้นในตลาดส่วนใหญ่ผันผวนขึ้นลงหลายครั้งในแต่ละปี ทำให้ปันผลดูเป็นผลประโยชน์ที่น้อยและช้ากว่า จนทำให้นักเล่นหุ้นเกือบทั้งหมดสนใจแต่จะซื้อถูกขายแพง หากจะเล่นหุ้นเพื่อรอปันผล หรือรอราคาหุ้นขึ้นในระยะยาว อย่างที่เขาเรียกว่าเป็น “Value Investment” ก็ต้องเป็นคนที่อดทน ใจเย็นและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง 

     5.ข่าวที่ออกตามสื่อนั้นมีทั้งข่าวจริงและข่าวลวง นักเล่นหุ้นที่ติดตามข่าวสารประจำจึงมักกลายเป็นเหยื่อมากกว่าจะรวน วิธีการหาข่าวที่ดีก็คือ สังเกตจากความจริงในท้องตลาดว่าสินค้าของเจ้านั้นขายดีจริงหรือไม่ และถ้ามีเพื่อนฝูงในบริษัทก็สามารถถามว่ากิจการเป็นอย่างไรได้ เพื่อเป็นการตรวจสอบกับข่าวที่ออกมาว่าขัดแย้งกันหรือไม่
เทคนิคการลงทุน:

หากคุณผู้อ่านมีคุณสมบัติที่ผ่านมา  5 ข้อ ก็น่าจะลองเข้าลงทุนในตลาดหุ้นได้ ผู้เขียนแนะนำให้เข้าไปที่เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์คือ www.set.co.th และเว็บไซต์ www.settrade.com   ซึ่งจะให้ข้อมูลหุ้นได้พอสมควร

แต่ถ้าคิดว่าตนเองยังไม่พร้อมก็อาจเลือกหาวิธีรวยวิธีอื่น เพราะผู้เขียนเองก็ไม่ได้เข้าลงทุนในตลาดหุ้นเลยในช่วงแรก ๆ เนื่องจากคิดว่าตนเองยังมีความสามารถไม่พอ แต่เมื่อมีเวลาว่างก็ลองเขาลงทุนดู พบว่าการลงทุนในตลาดหุ้นใช้เวลามาก และดึงเอาเวลาที่มีค่าออกไปจากเราไม่น้อย จึงเลือกที่จะลงทุนในตลาดหุ้นเป็นทางเลือกรอง ๆ จากวิธีอื่น ๆ

    Choose :
  • OR
  • To comment