เทคนิคการออมเงิน: เป็นหนี้หรือไม่เป็นหนี้ดี ?
เทคนิคการออมเงิน: ก่อนที่จะก้าวหน้าไปสู่การเป็นนักบริหารหนี้สินอย่างมืออาชีพ คุณต้องรู้จักก่อนว่าหนี้สินคืออะไร เพื่อที่ว่าจะได้มีวิธีรับมือกับมันได้อย่างดีพอ คำว่าหนี้สินคือสิ่งใดก็แล้วแต่ที่คุณหยิบยืมมาจากคนอื่น และจำเป็นต้องใช้สิ่งนั้นคืนในภายหลัง
คุณอาจจะหยิบยืมมาเป็นเงินทอง แล้วค่อยใช้เป็นสิ่งของหรือคืนเป็นเงินในภายหลัง หรือจะหยิบยืมมาเป็นสิ่งของแล้วใช้คืนเป็นเงินภายหลังก็ตาม หากจะกล่าวง่าย ๆ ก็คือการที่คุณเอาสิ่งของของผู้อื่นมา แล้วมีการสัญญาว่าจะใช้คืนเมื่อถึงกำหนดระยะเวลาที่ตกลงกันเอาไว้
เทคนิคการออมเงิน: เมื่อมีหนี้สินเกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือภาระที่คุณต้องใช้คืนในสิ่งที่คุณหยิบยืมมา เพราะในส่วนนี้มีภารผูกพันทางกฎหมายในกรณีที่มีการทำสัญญา และเป็นมารยาททางสังคมในกรณีที่ไม่มีการทำสัญญา และสำหรับคนไม่เก่งเป็นธรรมดาที่จะเกิดหนี้สินได้ง่าย เพราะความสามารถในการหาเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดนั่นเอง ในเมื่อคนเราเป็นหนี้ได้ง่าย ดังนั้นคนไม่เก่งจำเป็นต้องพิจารณาทุกครั้งก่อนที่จะก่อหนี้ ว่าหนี้ที่ก่อขึ้นสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นบางหรือไม่ ถ้าคุณสามารถหาประโยชน์จากการเป็นหนี้ในครั้งนั้นได้ เช่นกู้เงินมาเพื่อลงทุนค้าขาย กู้เงินมาเพื่อขยับขยายกิจการ
เมื่อคุณเห็นประโยชน์และหาประโยชน์ได้จากสิ่งที่คุณยอมเป็นหนี้เพื่อให้ได้มา เช่นนี้ก็จะไม่เรียกว่าการก่อหนี้ อย่างเช่นคุณกู้เงินมาเพื่อเปิดร้ายขายกาแฟ ในลักษณะนี้ไม่ถือว่าเป็นการก่อหนี้ เพราะอะไร เพราะถึงแม้คุณจะต้องหาเงินมาจ่ายหนี้ทุกเดือน แต่คุณไม่จำเป็นต้องดึงเม็ดเงินจากส่วนอื่นมาเพื่อใช้หนี้แต่อย่างใด
เทคนิคการออมเงิน: เพราะคุณย่อมนำเม็ดเงินที่ได้จากร้านกาแฟของคุณมาชำระหนี้ในส่วนนี้ได้ ก็เหมือนกับว่าร้านกาแฟของคุณจ่ายหนี้ด้วยตัวของมันเอง เช่นนี้ผมถึงเรียกว่าหนี้ดี หรือไม่มีหนี้
แต่ถ้าหนี้ที่เกิดขึ้นคุณไม่สามารถหาประโยชน์ได้ หรือเสมอตัวไม่ได้ไม่เสีย แสดงว่าหนี้นั้นไม่เกิดประโยชน์ เช่นนี้เรียกว่า การก่อหนี้ หรือเป็นหนี้สิน ส่วนใหญ่หนี้เสียมักจะเกิดจากความอยากได้ใคร่มี และความหน้าใหญ่เป็นส่วนมาก สงสัยไหมครับว่าทำไมผมถึงเรียกว่าหนี้ที่เกิดขึ้นโดยไม่เกิดประโยชน์ว่าเป็นหนี้ ในขณะที่ในข้างต้นก็เป็นการก่อหนี้สินเหมือนกัน แต่ทำไมถึงไม่ถือว่าเป็นหนี้สิน มันดูเป็นการแหกกฎ แหกทฤษฎีเอามาก ๆ เลยใช่ไหมครับ
เทคนิคการออมเงิน: ตัวอย่างเช่น คุณกู้เงินมาเพื่อซื้อโทรศัพท์เครื่องละ 20,000 บาท เพราะอยากจะเอามาแชทอย่างที่กำลังเป็นกระแสแฟชั่น ลักษณะนี้ผมถึงจะเรียกว่าเป็นหนี้ เพราะคุณเป็นหนี้กับสิ่งที่ไม่มีมูลค่าเพิ่ม และราคาของมันยังตกลงไปทุกวัน ๆ เวลาที่คุณคิดจะสะสางหนี้ด้วยการขายโทรศัพท์ที่ซื้อมา เพื่อต้องการเอาไปโปะหนี้ แต่เงินที่ได้จากการขายโทรศัพท์ก็ไม่เพียงพอต่อการใช้หนี้ได้ทั้งหมด ส่วนต่างระหว่างตอนซื้อกับตอนขายนั่นแหละครับที่เป็นหนี้ของคุณ เป็นภาระที่คุณต้องหาเม็ดเงินจากส่วนอื่นเพื่อมาใช้หนี้ในส่วนนี้ ทั้งที่ในความเป็นจริงคุณสามารถใช้โทรศัพท์เครื่องละไม่ถึง 1,000 ก็ได้ จะแชททำไมให้เสียเวลา โทรไปแป๊บเดียวก็จบ เงินที่คุณเสียไปเพื่อซื้อโทรศัพท์เพื่อเอามานั่งแชททั้งวันจึงไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด อีกทั้งมันไม่สามารถสร้างรายได้ให้แก่คุณ ลักษณะนี้แหละที่เรียกว่าการสร้างหนี้