 |
| เทคนิคการออมเงิน |
เทคนิคการออมเงิน: ทำความเข้าใจเรื่องหนี้สิน
เทคนิคการออมเงิน: หนี้สิน (Liabilities) คือภาระผูกพันที่ผู้กู้ยืมต้องชำระคืนแก่ผู้ให้กู้ตามกฎหมาย และนอกเหนือจากภาระผูกพันตามกฎหมายแล้วยังเป็นเรื่องของมารยาททางสังคม แม้จะเป็นการกู้ยืมด้วยวาจา ผู้กู้ก็จำเป็นต้องคืนให้แก่ผู้กู้ ไม่เช่นนั้นความน่าเชื่อถือของคนคนนั้นก็จะหมดไป เช่นเดียวกับหนี้สินที่มีภาระทางกฎหมาย ย่อมนำมาซึ่งการฟ้องร้องและคดีความ
ในปัจจุบันนี้จะเห็นว่าเครดิตเป็นเรื่องสำคัญ มีการให้บริการในเรื่องของเครดิตกันมากมาย ทั้งการผ่อนสินค้า บัตรเครดิต หรือการให้บริการสินเชื่อเงินสด เท่ากับว่าการเป็นหนี้ทุกวันนี้เป็นเรื่องที่ง่ายเอามาก ๆ
เพียงแค่คุณมีงานประจำ เงินเดือนมากกว่า 6,000 บาทสำหรับในกรุงเทพฯ และมากกกว่า 5,500 บาทสำหรับต่างจังหวัด คุณก็สามารถเป็นหนี้ได้แล้ว ไม่เพียงแค่ 1 หรือ 2 แห่งเท่านั้น แต่คุณสามารถเป็นหนี้ได้กับบริษัทเหล่านี้เป็นสิบ ๆ แห่ง [เทคนิคการออมเงิน]
อย่างไรก็ตาม เรามีโอกาสเข้าถึงการเป็นหนี้เท่า ๆ กัน แต่หลังจากเป็นหนี้แล้วครับถึงจะบอกได้ว่า หนี้สินที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาหรือไม่เป็นปัญหา เรามาเรียนรู้กันสักนิดว่าหนี้สินแยกประเภทแบบไหนเอาไว้บ้าง เพื่อเราจะได้จัดการเกี่ยวกับหนี้สินได้ง่ายยิ่งขึ้น
เทคนิคการออมเงิน: หนี้สินโดยหลัก ๆ แล้วจะแยกเอาไว้เป็น 2 ประเภท คือหนี้สินหมุนเวียน และหนี้สินระยะยาว เป็นการแบ่งแยกตามกำหนดกรอบระยะเวลา โดยที่หนี้สินหมุนเวียนก็คือมีระยะเวลาในการใช้คืนสั้น ๆ ประมาร 1-12 เดือนเท่านั้น ส่วนใหญ่หนี้สินหมุนเวียน หรือหนี้สินระยะสั้นไม่จำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน หากจะใช้ก็ใช้เป็นบุคคล อาจจะมีบางที่ใช้สินทรัพย์ถ้าผู้ให้กู้เล็งเห็นว่าโอกาสที่จะเป็นหนี้สูญมีสูงก็จะเรียกหลักทรัพย์เพื่อค้ำประกัน
ส่วนหนี้สินระยะยาว จะมีกำหนดระยะเวลาในการชำระคือมากกว่า 1 ปี ขึ้นไป โดยมากจำเป็นต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกัน พร้อม ๆ กับบุคคลค้ำประกัน เพราะมูลค่าของการกู้จะค่อยข้างสูง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ระยะสั้นและเงินกู้ระยะยาวก็จะแตกต่างกัน เงินกู้ระยะสั้นจะมีอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง เนื่องจากผู้ให้กู้มีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีหลักทรัพย์ประกันนั่นเอง อย่างดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิต เป็นต้น
ณ ปัจจุบันยังมีหนี้สินหมุนเวียนหรือหนี้สินระยะสั้น ที่คาบเกี่ยวกับหนี้สินระยะยาวเพิ่มขึ้นมา คือเป็นหนี้สินหมุนเวียนที่มีระยะเวลาในการผ่อนชำระคืนมากกว่า 1 ปี แต่โดยมากจะไม่เกิน 5 ปี – 7 ปี เพื่อให้โอกาสผู้ที่ต้องการใช้เงินก้อนใหญ่แต่ไม่มีหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน โดยที่ผู้กู้ต้องหาบุคคลค้ำประกันที่น่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้นเพื่อใช้แทนหลักทรัพย์ค้ำประกันในการขอกู้ [เทคนิคการออมเงิน]
