"หนี้สิน" ปัญหาใหญ่ที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

 


"หนี้สิน" ปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม ประชาชนส่วนใหญ่กว่า 87.8% ประสบปัญหาภาวะชำระหนี้ล้นพ้นตัว

หนี้สิน วิธีการปลดหนี้

"ไม่มีหนี้ ก็ไม่มีหน้า" เป็นคำพูดของคนหลาย ๆ คนที่ยึดติดอยู่กับวัตถุนิยม ยกย่องคนที่มีวัตถุทรัพย์สินเยอะ ๆ ว่าเป็นคนรวย เป็นคนมั่งมี หรือเป็นคนที่มีรสนิยม แต่บางครั้งเราก็ไม่อาจรู้ได้ว่า ภายใต้สิ่งของและการได้มาเหล่านั้น อาจจะเป็นการกู้หนี้ยืมสิน เขามาซื้อทั้งนั้น 

จากการสำรวจของหอการค้าไทย เผย ผลสำรวจสถานภาพหนี้ภาคครัวเรือน พบว่า ปชช.ส่วนใหญ่ ไม่มีการเก็บออมเงินต่อเดือน ร้อยละ 80.2 ระบุว่ามีหนี้สิน ซึ่งเป็นทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ ขณะที่ ปชช.ร้อยละ 87.8 เคยมีปัญหาในการชำระหนี้ ...

น.ส.อุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจสถานภาพหนี้ภาคครัวเรือนจากประชาชนทั่วประเทศ 1,200 ตัวอย่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถึง 67.3% ระบุว่าไม่มีการเก็บออมเงินต่อเดือน ขณะที่อีก 32.7% มีการเก็บออม โดยกลุ่มที่มีการเก็บออมเงินนั้น ส่วนใหญ่เป็นการออมเงิน 10-20% ของจำนวนรายได้ที่ได้รับในแต่ละเดือน

ส่วนในด้านรายจ่ายนั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 40% ระบุว่า มีมูลค่าการใช้จ่ายเท่ากับรายได้ที่ได้รับ ขณะที่กลุ่มตัวอย่าง 32.2% ระบุว่า มีมูลค่าการใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้รับ และอีก 27.8% ระบุว่า มีมูลค่าการใช้จ่ายน้อยกว่ารายได้ที่ได้รับ โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีมูลค่าการใช้จ่ายในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เป็นเพราะราคาของแพงขึ้น, มีภาระหนี้มากขึ้น และรายได้ที่ได้รับน้อยลง ซึ่งกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 77.8% ระบุว่าค่าครองชีพในปัจจุบันสูงขึ้นไป ขณะที่ 17.5% ระบุว่าเหมาะสม โดยมีเพียงกลุ่มตัวอย่าง 4.8% ที่ระบุว่าค่าครองชีพในปัจจุบันต่ำเกินไป

ส่วนในด้านหนี้สินครัวเรือนนั้น พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถึง 80.2% ระบุว่ามีหนี้สิน โดยมีเพียง 19.8% ที่ระบุว่าไม่มีหนี้สิน ซึ่งพบว่าการก่อหนี้ของกลุ่มตัวอย่างนั้นส่วนใหญ่ 42.1% มีทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ ส่วน 30.5% มีเฉพาะหนี้นอกระบบ และอีก 27.4% มีเฉพาะหนี้ในระบบ

ทั้งนี้ คิดเป็นจำนวนหนี้สินเฉลี่ย 248,000 บาท/ต่อครัวเรือน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.16% หรือคิดเป็นการผ่อนชำระเฉลี่ย 14,033 บาท/เดือน โดยสาเหตุสำคัญ 5 อันดับแรกที่ทำให้มีหนี้สินเพิ่มจากปีก่อน คือ รายได้ลดลง, ค่าครองชีพปรับสูงขึ้น, ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายจากภัยธรรมชาติ, มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมาก และค่าเล่าเรียนของบุตรหลาน

ขณะที่ วัตถุประสงค์สำคัญ 5 อันดับแรก ที่ทำให้กลุ่มตัวอย่างจำเป็นต้องมีการกู้ยืม คือ กู้ยืมเพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รองลงมา คือ กู้ยืมเพื่อซื้อสินทรัพย์, กู้ยืมเพื่อการลงทุนประกอบธุรกิจ, การกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย และกู้ยืมเพื่อชำระหนี้บัตรเครดิต

พร้อมกันนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถึง 87.8% ยังระบุว่าในรอบปี ที่ผ่านมาเคยมีปัญหาในการชำระหนี้ โดยมีเพียง 12.2% เท่านั้นที่ระบุว่าไม่เคยมีปัญหา อย่างไรก็ดี หากไม่สามารถชำระหนี้ได้นั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่า จะไปกู้ยืมเงินจากที่อื่นมาชำระคืนก่อน รองลงมา จะขอผ่อนผันจากเจ้าหนี้, ปล่อยให้ยึดสิ่งของไป และหลบหนี้

ดังนั้น จึงอยากให้คุณผู้อ่านที่กำลังจะสร้างหนี้ หรือเป็นหนี้อยู่ ณ ตอนนี้ ได้ตระหนักถึงมหัตภัยของการเป็นหนี้ ว่ามันรุนแรงมากมายขนาดไหน และหากเป็นไปได้ ต้องพยายามปลดหนี้ที่มีอยู่ให้สำเร็จโดยเร็วทีุ่่สุด เมื่อทำได้ และวันนั้นมาถึง คุณจะรู้ว่า ชีวิตของการไม่มีหนี้ การไม่ต้องหลบหน้าเจ้าหนี้ และการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเป็นเช่นไร 

ขอให้ทุกท่านที่กำลังเป็นหนี้อยู่ จงปลดหนี้ไ้ด้ในเร็ววันครับ...

ไปหน้าแรก  การออมและการลงทุน



เรียบเรียงบทความบางส่วนจาก ไทยรัฐ

    Choose :
  • OR
  • To comment