อุบัติเหตุทางการเงินเรื่องยาก ๆ ที่จัดการเองได้
![]() |
การออมเงิน |
ถ้าคุณกำลังเผชิญกับอุบัติเหตุทางการเงิน นี่คือเวลาสำหรับการตั้งสติและวางแผนรับมือ ไม่ใช่เวลาที่จะท้อแท้และสิ้นหวัง และหลังจากมีสติที่ดีแล้ว คุณจะต้องประเมินสถานการณ์ ค้นหาแหล่งเงินสำหรับแก้ปัญหา จัดความสำคัญของค่าใช้จ่าย วางแผนการเงินสำหรับอุบัติเหตุทางการเงิน รวมถึงการที่ผู้ที่ยังไม่ประสบอุบัติเหตุทางการเงินต้องวางแผนป้องกันเหตุในอนาคต
ประเมินสถานการณ์ ว่ารายรับปัจจุบันที่ยังคงมีอยู่ เปรียบเทียบรายจ่ายทั้งประจำ และรายจ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงพอหรือขาดแคลน คำนวณระยะเวลาที่ยังมีเงินเพียงพอในภาวะฉุกเฉิน และค้นหายอดเงินที่ขาดแคลน หลังจากนั้น จึงจัดความสำคัญกับรายการใช้จ่าย ภายใต้ความเข้าใจที่ว่า... ค่าใช้จ่ายที่มีทั้งหมดไม่ได้เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทั้งหมดและค่าใช้จ่ายที่ถูกเรียกเก็บ (ใช้บริการหรือได้รับสินค้ามาแล้ว และต้องจ่ายคืนเจ้าหนี้) จำเป็นต้องมีบางรายการได้รับการจ่ายคืนทีหลัง หรือช้ากว่าบางรายการบ้างถ้าจำเป็น ตัวอย่างรายจ่ายไม่จำเป็นในภาวะวิกฤติ เช่น ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าเคเบิ้ล
หรือค่าพักผ่อนหย่อนใจนอกบ้าน โดยจะลดหรือทำให้หมดไปได้ตามการประเมินของแต่ละคน หรือตัวอย่างการจ่ายคืนบิลเรียกเก็บในลำดับที่ต้องจ่ายก่อน เช่น เงินงวดผ่อนส่งบ้าน บิลบัตรเครดิต ค่าสาธารณูปโภค รวมทั้งหนี้สินที่มีภาระต้องจ่ายประจำและไม่มีระยะเวลาปลอดหนี้หรือระยะผ่อนผัน จำเป็นต้องจัดไว้เป็นลำดับแรก
![]() |
การวางแผนการเงิน |
1. หาแหล่งเงินเพื่อชดเชยความขาดแคลน เช่น กรณีตกงาน ให้มองหาประกันสังคม กรณีเกิดภัยธรรมชาติให้หาโครงการช่วยเหลือของรัฐ ถ้าหาไม่ได้ ให้หาแหล่งเงินกู้ทั้งจากสถาบันการเงิน การกู้เงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีมูลค่าเงินสดแล้ว กู้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ขึ้นกับเงื่อนไขของกองทุนว่ามีหรือไม่) หรือจากนายจ้างที่จัดไว้ให้เป็นสวัสดิการ ด้วยหลักการเลือกโดยเปรียบเทียบภาระการผ่อนชำระ ระยะเวลา และอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม
2. จัดทำแผนการเงิน โดยระบุเป้าหมายให้เป็นตัวเลขที่ชัดเจน กำหนดระยะเวลาทั้งระยะสั้น กลาง หรือระยะยาว สร้างแผนปฏิบัติการละเอียด เช่น จะทำอะไร เมื่อใด เป็นระยะเวลานานแค่ไหน และโดยใครบ้างระบุแผนสำรองกรณีที่ไม่สามารถทำได้ตามแผนหลัก
3. สื่อสารกับเจ้าหนี้ กรณีที่พบว่าไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนมาจัดการหนี้สินได้ครบทุกรายการ โดยให้เริ่มจากการจัดลำดับหนี้ที่มี พร้อมด้วยรายละเอียดแผนการผ่อนชำระ หรือระยะเวลาผ่อนผันที่ต้องการ รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง และรีบติดต่อเจ้าหนี้ก่อนเสียแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะมีภาระค้างชำระและทำให้เจ้าหนี้หงุดหงิดจนไม่อยากจะประนีประนอมด้วย เตรียมหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าเราอยู่ในภาวะวิกฤติแค่ไหน และเดินหน้าเจรจาวางแผนป้องกันอุบัติเหตุการเงินในอนาคต สำหรับผู้ที่ยังไม่เป็นผู้ประสบเหตุวิกฤติ หรือผู้ประสบเหตุที่ผ่านพ้นวิกฤติได้แล้ว ให้เริ่มวางแผนรับมือกับวิกฤติในอนาคตที่อาจเกิดขึ้น เริ่มสะสมเงินสำรองฉุกเฉิน (ถ้ายังไม่มี)ทำประกันภัยที่เหมาะสมเพื่อจำกัดระดับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ประกันวินาศภัย และสื่อสารให้คนในครอบครัวทราบถึงแผนและการเตรียมการรับมือนี้อุบัติเหตุการเงินเกิดได้กับทุกคน แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนจะผ่านพ้นไปได้โดยไม่เจ็บตัวหากไม่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า ดังนั้น จากที่กล่าวมาทั้งหมด “การคิดวางแผนป้องกันเหตุ” จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และที่สำคัญยิ่งกว่า คือการวางแผนในสภาวะปกติย่อมให้ผลดีกว่าการนั่งวางแผนท่ามกลางวิกฤติที่มีความกดดันและข้อจำกัดรอบตัวเต็มไปหมด
บทความโดย คุณวีระพล บดีรัฐ หัวหน้างาน - ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ประกอบวิชาชีพหลักทรัพย์
ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน (TSI) สถาบันกองทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ไปที่ >> เทคนิคการออมเงิน